
แหล่งข่าวจาก สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่ชาติ เปิดเผยว่า กรณีกล่าวโทษ พระไชยบูลย์ หรือ พระธัมมชโย ตามกฎนิคหกรรม ฉบับที่ 11 ประกอบฉบับที่ 21 ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ นั้น ข้อ 3 ระบุว่า กรณีพระรูปใดประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเรื่องเดียวกัน หรือหลายเรื่องเป็นอาจิณ ให้เจ้าอาวาสชี้แจง ตักเตือน ให้ประพฤติตามพระธรรมวินัยเป็นลายลักษณ์อักษร โดยกำหนดเวลาปฏิบัติ หากไม่ปฏิบัติ เจ้าอาวาส รายงานโดยลำดับ จนถึงเจ้าคณะอำเภอเจ้าสังกัด เพื่อวินิจฉัยสละสมณเพศ
สำหรับ พระไชยบูลย์ (ธัมมชโย) สังกัดวัดพระธรรมกาย จะต้องให้รักษาการเจ้าอาวาสธรรมกาย แจ้งให้ทราบ
แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า ในข้อ 4 กรณีที่มีการฟ้องว่าพระภิกษุรูปใดกระทำความผิดอันเป็นครุกาบัติ เมื่อคณะผู้พิจารณาชั้นต้น ไต่สวนมูลฟ้องตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2521) ซึ่งขั้นตอนตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 11 ขั้นตอนจะยาว กว่าขั้นตอนของ ฉบับที่ 21
แหล่งข่าว เปิดเผยด้วยว่า สำหรับในชั้นคำสั่งประทับฟ้อง แต่ยังไม่ตัดสิน ให้คณะผู้พิจารณาชั้นต้น หรือคณะผู้พิจารณาชั้นอุทธรณ์ รายงานข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพระธรรมวินัย ต่อมหาเถรสมาคม
หากการวินิจฉัยอยู่ในชั้นฎีกา กรรมการมหาเถรสมาคม อาจรายงานต่อมหาเถรสมาคม เพื่อให้ดำเนินการนอกเหนือจากการลงนิคหกรรม ก็ได้
และกรณี มหาเถรสมาคม เห็นว่า พระภิกษุประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัย อันเป็นโลกวัชชะเป็นอาจิณ หากให้ดำรงเพศบรรพชิตต่อไปจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่พระศาสนา และการปกครองของคณะสงฆ์ มหาเถระสมาคมมีอำนาจวินิจฉัยให้สละสมณเพศได้ ทั้งนี้ไม่กระทบต่อการพิจารณาวินิจฉัยการลงนิคหกรรมที่กำลังดำเนินการอยู่ไม่ว่าในชั้นใดๆ
ในข้อ 5 คำวินิจฉัยให้พระภิกษุสละสมณเพศตามข้อ 3 หรือข้อ 4 ให้เป็นที่สุด
ข้อ 6 เมื่อมีคำวินิจฉัยให้พระภิกษุรูปใดสละสมณเพศ ให้เจ้าอาวาสวัด หรือพระภิกษุผู้ปกครองวัด หรือผู้ดำรงตำแหน่งปกครองคณะสงฆ์ในเขตท้องที่ที่พบพระภิกษุรูปนั้น แจ้งผลให้ทราบ และจัดการให้สละสมณเพศ
ในกรณีที่ไม่พบตัว หรือพระรูปนั้นไม่ยอมรับทราบคำวินิจฉัย เมื่อปิดประกาศคำวินิจฉัยไว้ ณ ที่พำนักอาศัยถือว่าพระรูปนั้น ทราบคำวินิจฉัยแล้ว
ข้อ 7 พระผู้ต้องคำวินิจฉัย ต้องสึกภายใน 3 วัน หากไม่สึกให้พระภิกษุ ผู้มีหน้าที่จัดการให้สละสมณเพศ หรือขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายราชอาณาจักร เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามคำวินิจฉัย คือเข้าไปจับกุม หรือจับให้สึก
ด้าน พ.ต.อ.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา ให้สัมภาษณ์กับ เนชั่นทีวี ว่า ขั้นตอนพิจารณากฎนิคหกรรม กรณีธัมมชโย เป็นไปตาม กฎมหาเถรสมาคม ฉบับ 11 และ 12 อยู่ในอำนาจของฝ่ายสงฆ์
พ.ต.อ.พงศ์พร บอกด้วยว่า การกล่าวหาในทางสงฆ์ เหมือนกับฝ่ายฆราวาส เมื่อมีผู้กล่าวหา จะเข้าสู่การพิจารณาขั้นต้น อุทธรณ์ และฎีกา
ต่อข้อถามว่า ขณะนี้ถือว่ากระบวนการกล่าวหา (พระไชยบูลย์ หรือ ธัมมชโย) เริ่มต้นแล้วหรือไม่?
พ.ต.อ.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา บอกว่า มีผู้ร้องเข้ามาแล้วหลายคน ส่วนจะเข้าสู่กระบวนการนิคหกรรมเมื่อไหร่? อยู่ที่ฝ่ายปกครองสงฆ์เป็นผู้เริ่ม!