
ผลิตภัณฑ์การเกษตรเหล่านี้ ถูกพัฒนาต่อยอดให้มีมูลค่าสุงขึ้น ด้วยมือของเกษตรกรที่เป็นปราญช์ในโครงการ คนกล้า คืนถิ่น ที่พร้อมจะถ่ายทอดความรู้ไปยังคนรุ่นใหม่ที่สนใจ นิทรรศการคนกล้า คืนถิ่น จัดขึ้นที่หอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ใจเมือง หวังเชิญชวนคนรุ่นใหม่เข้ามาเยี่ยมชมเพื่อต่อยอดความคิด
รองนายกรัฐมนตรี พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย เป็นประธานเปิดนิทรรศการ กล่าวว่า สังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรมมาแต่ดั่งเดิม แต่ครอบครัวชนบทส่วนใหญ่ มักส่งลูกมาเรียนในเมือง และในที่สุดลูกหลานก็กลายเป็นแรงงานในกระตัวในกรุงเทพประธานคณะกรรมการดำเนินโครงการคนกล้าคืนถิ่น ดร.สมิท แช่มประสิทธิ์ บอกว่า คนกล้า คืนถิ่นเป็นโครงการ ที่เปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้หันมาทดลองใช้ชีวิต และพัฒนาตนเองบนวิถีเกษตรยั่งยืน โดยนำปัจจัยสำคัญอย่างเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ให้ตรงจุด และเป็นประโยชน์ ทั้งด้านเพิ่มผลผลิต และด้านการตลาด
นางสาวสุชญา สระแก้ว จ.นครราชสีมา เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการคนกล้า คืนถิ่นปี 2559 เธอลาออกจากการเป็นพนักงานโรงแรมจากต่างประเทศ กลับบ้านเกิดมาเพื่อตั้งใจทำเกษตรกรรม เป็นอาชีพหลัก จึงมาเข้าร่วมโครงการเพื่อหาความรู้ไปปฏิบัติจริง
โครงการคนกล้า คืนถิ่น มีขึ้นครั้งแรก เมื่อปี 2558 มีผู้ลงทะเบียน 1200 คน ผ่านการอบรม 750 คน ปี 2559 มีผู้ลงทะเบียน 1300 คน ผ่านการอบรม 1228 คน ส่วนปี 2560 ตั้งเป้า มีคนลงทะเบียน 2000 คน ทั้งนี้ 2 ปีที่ผ่านไม่มีการเก็บค่าใช้จ่าย แต่ปีนี้อาจต้องเก็บรายละ 4,500 บาท เนื่องจากไม่มีผู้สนับสนุน
ที่จุดลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนกล้า คืนถิ่นประจำปีนี้ เราได้พบกับคนรุ่นใหม่คนนี้ นิลญา จิตรชัยภูมิ เป็น อดีตวิศวกรหญิง ที่หันหลัง ให้กับงานวิศวะโยธา แล้วมุ่งหน้ากลับบ้านเกิดในจังหวัดสระแก้ว เพื่อผันตัวเป็นเกษตรกรเต็มตัว
นอกจากวิถีการเกษตรแบบยั่งยืนแล้ว นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีอยู่ปัจจุบัน สามารถจะเพิ่มมุลค่าของผลผลิตได้อีก และมีตลาดออนไลน์ ทั้งแฟนเพจเฟซบุ๊ค ที่เชื่อมต่อกับเว็บไซต์ ซึ่งสามารถเสริจหาพบง่าย เป็นที่ซื้อขายรองรับ โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางด้วย