
ผู้บัญชาการตํารวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข บอกว่า การเคลื่อนไหวของไซซะนะ จุดแข็งการทำธุรกิจค้ายาของขบวนการนายไซซะนะ คือวิธีการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า ซึ่งมีพัฒนาการเหนือกว่าเครือข่ายค้ายาเสพติดรายอื่นๆไม่ว่า เครือข่ายของขุนส่า อดีตผู้นำกองทัพเมิงไต รวมถึงเล่าต๋า แสนลี่ นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ภาคเหนือ เพราะเครือข่ายเหล่านี้จะตั้งฐานการผลิตในป่าเขา ก่อนจะลำเลียงยาเสพติดด้วยสัตว์ เช่น ม้า ลา หรือรถจักรยานยนต์ จากแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่ฝั่งไทย
ที่สำคัญเครือข่ายเหล่านี้ ไม่ลงมาติดต่อซื้อขายด้วยตัวเอง แต่จะกำหนดพื้นที่ซื้อขายและส่งของกันตามแนวชายแดนซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ ขบวนการของ "ไซซะนะ" ที่จะลงมาเล่นกับผู้ค้ารายย่อย โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยเฉพาะแอพพลิเคชั่นไลน์"วิธีการของไซซะนะ จะใช้วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสาร เช่น การใช้ไลน์ หรือการส่งข้อความที่เป็นรหัสลับ ซึ่งรู้กันระหว่างคู่ค้า เพื่อนัดพบสถานที่รับยาเสพติด การลงมาติดต่อกับผู้ค้ารายย่อยเอง ก็ช่วยให้สามารถรับรู้ได้ว่าพื้นที่ใดควรทำการค้า รวมถึงหาที่พักยาเสพติดด้วย" พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวย้ำและ วิธีการขนย้ายยาเสพติดของขบวนการนายไซซะนะ จะใช้รถยนต์ราคาแพงขนส่งยา เพื่อตบตาการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ที่ตั้งด่านตรวจ
จึงอาจกล่าวได้ว่า "ไซซะนะ" คือ นักค้ายายุค 4.0 ที่ปัจจุบันเครือข่ายค้ายาสองฝั่งโขงของเขา กำลังถูกทะลายจากเจ้าหน้าที่ ตำรวจปราบยาเสพติด และ ปปส. ของไทย!
โดยหลังการจับกุม นายไซซะนะ แก้วพิมพา ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อ 19 มกราคม/ ในวันรุ่งขึ้นทาง ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ก็ลงพื้นที่พร้อมกันทั่วประเทศ เข้าตรวจค้นยึดทรัพย์เครือข่ายของ ไซซะนะ แก้วพิมพา อีกหลายจุดโดยได้เข้าตรวจค้นในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1-5 รวม 36 จุด ตั้งแต่วันที่ 19-20 มกราคม ที่ผ่านมา ปฏิบัติการไปแล้ว 11 จุด เจ้าหน้าที่ยึดทรัพย์เครือข่ายได้จำนวนทั้งหมด 74 รายการ ประกอบด้วยบ้าน 2 หลัง โฉนดที่ดิน 14 แปลง รถยนต์หรู 14 คัน รถจักรยานยนต์ 11 คัน รถเพื่อการเกษตร 2 คัน บัญชีเงินฝาก 29 รายการ ทองรูปพรรณและเงินสด มูลค่า 1.5 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาทนายไซซะนะ แก้วพิมพา หรือ เฮียลบ เป็นใครมาจากไหน? ไต่ระดับจากเด็กชายจาก บ้านหินบูน แขวงคำม่วน ประเทศลาว จนก้าวขึ้นมาเป็น เซเลบ คนเด่งคนดังในฝั่งลาว และไทย และที่สุดถูกตำรวจไทย รวบตัว นักค้ายาชาวลาว ได้อย่างไร?
เนชั่นทีวี ขออนุญาตนำบทวิเคราะห์เจาะลึกบางส่วนของ "เนชั่นสุดสัปดาห์" เครือเนชั่น ฉบับ 1287 วันที่ 27 มกราคม 2560 ที่ได้วิเคราะห์ลึกเส้นทางชีวิชีตของ นายไซซะนะ แก้วพิมพา หรือ เฮียลบ จากบทความเรื่อง "มาเฟียลาว ใต้เงาอำนาจผู้มีบารมี" มานำเสนอ "บางส่วน" ดังนี้..
ปฏิบัติการ ชัยยะสยบไพรี 60/1 บุกจับ ไซซะนะ แก้วพิมพา พ่อค้ายาบ้าชาวลาว กลางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดูตื่นเต้นเร้าใจเหมือนฉากหนังบู๊
ในมุมข่าวสาร สำหรับเมืองไทย อาจดูเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ตื่นตะลึงไปทั้งประเทศ ก็คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) นับแต่วินาทีแรกที่มีการเผยแพร่ข่าวสารผ่านสำนักข่าวออนไลน์ทางฝั่งไทย สื่อโซเชียลฝั่งลาวก็แชร์ต่อทันที
ไซซะนะ แก้วพิมพา หรือที่ชาวลาวเรียกขานกันติดปากว่า เฮียลบ เกิดที่บ้านดอนลับ เมืองหินบูน แขวงคำม่วน (ตรงข้าม อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม) ไม่มีใครยืนยันถึงฐานะดั้งเดิมของเฮียลบ นอกจากคำบอกเล่าผ่านสื่อโซเชียลว่า เขาได้หย่ากับภรรยาคนแรก และมีภรรยาคนใหม่อยู่ในเวียงจันทน์
ในอดีต ท่าอุเทน-หินบูน เป็นเส้นทางลำเลียงกัญชาของนักการเมืองไทยคนหนึ่ง และธุรกิจค้ากัญชาข้ามโขง ก็ถูกแทนที่ด้วยการค้ายาบ้าของมาเฟียลาวในปัจจุบัน
10 กว่าปีมานี้ เฮียลบร่ำรวยขึ้นผิดหูผิดตา คนส่วนใหญ่จะทราบว่าเขาประกอบธุรกิจโรงเลื่อย และมีชื่อเสียงโดดเด่นในสังคมคนชั้นสูง
เฮียลบ ชอบสะสม รถซูเปอร์คาร์ สุดหรูมากกว่า 20 คัน ทั้ง ลัมโบร์กินี่, ปอร์เช่, ออดี้ ฯลฯ
ลาวเป็นประเทศเล็กๆ มีประชากร 6 ล้านกว่าคน และคาดว่ามีคนร่ำรวยที่สุดไม่กี่ตระกูล ฉะนั้น เศรษฐีใหม่ อย่างเฮียลบ ใครต่อใครย่อมรู้จักมักคุ้น
จึงไม่แปลกใจที่ชาวโซเชียลลาว ได้แชร์ภาพเฮียลบ ถ่ายภาพคู่กับคนดัง หรือ ลูกหลานนักการเมืองฝั่งซ้าย เพราะสังคมคนชั้นสูงในลาวมันแคบ
ปีก่อน เฮียลบ ร่วมขบวนเศรษฐีใหม่เมืองลาว นำรถซูเปอรืคาร์กว่าร้อยคันจัดทัวร์ข้ามโขงมาสุดปลายทางที่พัทยา
ภาพอีกด้านหนึ่งของเฮียลบ คือ นักเลงไก่ชน โดยสังเวียนไก่ชนในเวียงจันทน์ ก็จะพบเห็นเฮียลบกับไก่ชนตัวเก่งอยู่เป็นประจำกลางปีที่แล้ว เป็นที่โจษขานกันทั้งเวียงจันทน์ เมื่อไก่ชนเฮียลบชนะไก่ชนราชาเพลงเพื่อชีวิต คว้าเงินเดิมพันก้อนโตแหล่งข่าวฝั่งซ้ายเปิดเผยว่า ขบวนการค้ายาเสพติดของ เฮียลบ นั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะรอดพ้นสายตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจลาว เพียงแต่เขามีเกราะป้องกันเป็น ผู้มีอำนาจ ในการเมืองลาว จึงยืนยงอยู่ได้หลายปี ไม่มีตำรวจลาวคนไหนเข้าไปจับกุม"มีข้อน่าสังเกตว่า เฮียลบถูกตำรวจไทยจับกุม หลังจากผู้มีอำนาจที่คุ้มครองเขาพ้นจากเก้าอี้ความมั่นคง จึงมีข่าวตำรวจไทยได้รับความร่วมมือจากทางการลาวในการให้ข้อมูลเฮียลบ" แหล่งข่าว กล่าวสำนักข่าวสารปะเทดลาว รายงานว่า ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามไปยังกระทรวงป้องกันความสงบ (กระทรวงตำรวจ) ว่าจะมีการแถลงข่าวเรื่องนี้หรือไม่? แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆรวมถึงสถานีโทรทัศน์ป้องกันความสงบ และหนังสือพิมพ์ป้องกันความสงบ ก็ไม่ได้นำเสนอรายงานข่าวการจับกุมพ่อค้ายาบ้าชาวลาวความล่าช้าในการแถลงข่าวของกระทรวงป้องกันความสงบ ยิ่งสร้างข้อกังขาให้แก่ประชาชน และเปิดทางให้กลุ่มตรงข้ามรัฐบาล (ลาวฝ่ายขวา) ฉวยโอกาสโจมตี "ผู้นำลาว" บางคนว่าอยู่เบื้องหลังการเติบโตของเฮียลบปฏิกิริยาจากสื่อลาวนั้น จะให้ความสำคัญกับข่าวการจับกุมเฮียลบมากเป็นพิเศษ แต่จะเน้นย้ำไปว่า เป็นผลงานของสองประเทศที่จับมือกันปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติสำนักข่าวสารปะเทดลาวถึงกับเขียนบทวิเคราะห์ยุทธการล่อเสือออกจากถ้ำโดยยกกรณี "หน่อคำ" ราชายาเสพติดกลุ่มน้ำโขง ที่ตำรวจลาวจับกุมได้ที่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว จากนั้นส่งตัวอดีตนักรบกู้ชาติเมืองไต ให้จีนไปดำเนินคดี นี่เป็นความร่วมมือของจีน เมียนมา ลาวและไทย ทำนองเดียวกันกรณีของไซซะนะ ก็เป็นความร่วมมือของลาว-ไทยอย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของคนลาวที่แสดงออกผ่านสื่อโซเชียล ส่วนใหญ่ชื่นชมการทำงานของตำรวจไทย และตั้งข้อสงสัยตำรวจลาวว่า ทำไมจึงปล่อยนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ลอยนวลอยู่เป็นเวลาหลายปี....และ "เนชั่นสุดสัปดาห์" ได้วิเคราะห์ทิ้งท้ายในบทความนี้ว่า... วิถีเซเลบ "เฮียลบ" เป็นกรณีศึกษาสำหรับเมืองลาวยุคเปิดประเทศ ความมั่งคั่งได้กลายเป็นเครื่องห่อหุ้มตัวตน "คนบ่ดี" ทำให้กลุ่มอาชญากร แฝงตัวตัวเชิดหน้าชูตาอยู่ในสังคม!ขอบคุณข้อมูล เนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับ 1287 วันที่ 27 มกราคม 2560 เครือเนชั่น