
ขณะนี้จากพยานหลักฐานต่างๆ ที่ได้มา เราค่อนข้างจะมั่นใจเป็นอย่างสูง ว่า การกระทำครั้งนี้เป็นขบวนการ ตามที่เปิดเผยไปก่อนหน้านี้ และจากการสอบปากคำอดีต สว.มุกดาหาร ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะกลุ่มขบวนการนี้ได้เข้าไปปรึกษาข้อกฎหมายกับ อดีต สว.คนนี้ ซึ่งอดีตสว. ได้เตือนด้วยว่าการกระทำอย่างนั้น จะมีความผิดมากกว่า ความผิดกฎหมายจราจร เพราะเป็นความผิดฐานให้ความเท็จต่อเจ้าพนักงานสอบสวน รวมถึงเรื่องราวทั้งหมด จะต้องไปถึงศาล ซึ่งจะเป็นการให้การเท็จทั้งหมด ส่วนกรณีที่จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ คงต้องรอให้สืบสวนสอบสวนได้ผู้กระทำความผิดทั้งขบวนการเสียก่อน เพราะเราอยากจะสาวลงไปให้ลึกว่า ขบวนการดังกล่าว ยังมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ นอกจากได้เข้าปรึกษากับ อดีต สว.แล้ว ผู้ร่วมขบวนการเหล่านี้ ยังไปที่ไหนอย่างไรอีก กรณีสำคัญจะต้องไล่รถที่นายสับ วาปี อ้างว่าใช้ชน หรือรถคันที่ก่อเหตุ เพราะรถคันที่นำมาอ้างในการรื้อฟื้นคดีใหม่ เป็นรถทะเบียนจังหวัดมุกดาหาร เลยอยากรู้ว่า ในช่วงเกิดเหตุ 11 มี.ค.2548 รถคันนี้มีโอกาสอยู่ตรงนั้นหรือไม่ เพราะจากการได้ข้อมูลเบื้องต้นน่าเชื่อว่า รถไม่ได้อยู่ตรงจุดนั้น ไม่สามารถไปยังที่เกิดเหตุได้ เพราะทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ครอบครองได้หมดแล้ว ตามที่นายสับ อ้างมาว่า รถคันดังกล่าวเป็นรถของตนเอง สืบทราบว่า ได้มีการขายคนอื่นไปแล้ว โดยขายไปตั้งปี พ.ศ.2547 สำหรับการประชุมในวันนี้ ตามที่ตนได้มอบหมายให้พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้ช่วย ผบ.ตร.ลงพื้นที่ไปร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ภ.จว.นครพนม แนวทางการประชุมเป็นการมอบหมายงานให้หากลุ่มผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดว่ามีใครบ้าง และเคยดำเนินการในลักษณะดังกล่าวในพื้นที่ไหนมาบ้าง หากได้พยานหลักฐานที่ชัดเจนมากว่านี้ก็จะได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อไป