
ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าโรงแรมดังกล่าวพบรถยนต์คันดังกล่าว พบรถยนต์เก๋งจอดอยู่ โดยมีควันพวยพุ่งออกมาจากเบาะหน้า เจ้าหน้าที่ใช้น้ำยาเคมีในการดับ ซึ่งใช้เวลา 10 นาทีเพลิงจึงสงบ ตรวจสอบภายในรถพบขวดเบียร์และกระป๋องเบียร์ตกอยู่เกลื่อนพื้น นอกจากนี้ยังพบขวดอิชิตัน และขวดน้ำขนาดใหญ่ตกอยู่ที่พื้นฝั่งข้างคนขับ และพบไฟแช็ค โทรศัพท์ไอโฟน ซึ่งสภาพเบาะฝั่งที่นั่งข้างคนขับมีรอยไหม้เกือบหมด ขณะที่เบาะคนขับไหม้เล็กน้อย ซึ่งบริเวณด้านหลังรถมีเสื้อเชิ้ตผู้ชายแขวนอยู่ และบนเบาะหลังพบแฟ้มเอกสารสีดำ
จากการตรวจสอบพบผู้บาดเจ็บจำนวน 2 ราย ทราบชื่อต่อมา นายสมบูรณ์ ผลดี อายุ 42 ปี ถูกไฟลวกตามร่างกาย เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ ส่วนอีกรายเป็นหญิง ชื่อ น.ส.โสพิศตา ตั้งเจตนาธรรม อายุ 38 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเทพธารินทร์
สอบถามพยานที่เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ทั้งคู่ทะเลาะกันตั้งแต่ประตูทางเข้าของโรงแรมดังกล่าว จากนั้นทาง รปภ.ของโรงแรมจึงรีบวิทยุให้ รปภ.อีกประตูสกัดรถคันเกิดเหตุ กระทั่งเมื่อรถมาถึงจุดเกิดเหตุ ผู้หญิงได้ลดกระจกรถลง พร้อมกวักมือขอความช่วยเหลือ จากนั้นไม่นานก็เห็นควันพวยพุ่งออกมาจากรถอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ประชาชนในละแวกดังกล่าวจะรีบวิ่งมาที่รถ ขณะเดียวกันผู้ชายซึ่งนั่งฝั่งคนขับก็เปิดประตูรถลงมา พร้อมกับมีไฟท่วมตัว พลเมืองดีจึงนำถังดับเพลิงมาฉีดให้ไฟดับ ก่อนผู้ชายจะนั่งตรงฟุตบาทฝั่งตรงข้าม โดยที่มีคนตะโกนบอกว่า ให้จับตัวผู้ชายไว้ เพราะเป็นคนเผารถ ซึ่งผู้ชายได้ตอบกลับมาว่า "ไม่ต้องห่วง ไม่หนีหรอก" จากนั้นผู้หญิงก็รีบเปิดประตูแล้วคลานลงจากรถ และถูกเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งรพ.เทพธารินทร์ทันที
รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.โสพิศตา และ นายสมบูรณ์เป็นสามีภรรยากัน ซึ่ง น.ส.โสภิตาทำงานอยู่ที่โรงแรมจุดเกิดเหตุ เมื่อถึงเวลาเลิกงาน นายสมบูรณ์มารับตามปกติ แต่ทั้งคู่มีปากเสียงกันเรื่องหึงหวง จนมีเพื่อนร่วมงานของน.ส.โสภิตามาห้าม ทั้งคู่จึงหยุดทะเลาะกัน และไปมีปากเสียงกันอีกครั้งภายในรถยนต์ของนายสมบูรณ์ หลังจากนั้นนายสมบูรณ์ก็นำทินเนอร์ราด และจุดไฟเผาจนเกิดเหตุดังกล่าว
เบื้องต้นตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุและใกล้เคียง รวมทั้งสอบปากคำพยานแวดล้อมและเห็นเหตุการณ์ ก่อนจะนัดผู้บาดเจ็บทั้ง 2 รายมาสอบปากคำ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป