
ศาลอาญารัชดา นัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีที่ พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักดิ์ศิริ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีเมื่อวันที่ 6 - 9 พ.ค. 2557 จำเลยกับพวกเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลในหลักฐานใบสำคัญเก็บเงินค่าสินค้าเสียใหม่เป็นว่า ให้บริษัท บี.พี.ซี. เทรดดิ้ง จำกัด (ประเทศกัมพูชา) โอนเงินค่าซื้อปูนซีเมนต์ บริษัท ทีพีไอ โพลีน พับบลิค จำกัด (ประเทศไทย) ทั้งหมดผ่านเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขารัฐสภา ของพวกจำเลย 352,781 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย 11,428,308 บาท ผ่านบัญชีเงินฝากของบริษัท ทีพีไอฯ โดยธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ นั้น โจทก์มีพยานหลักฐานไม่เพียงพอ จึงยกประโยชน์ให้จำเลย
ส่วนในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ศาลเห็นว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริต เนื่องจากภายหลังถูกจับกุม จำเลยได้ทำหนังสือตกลงคืนเงินทั้งหมดให้แก่บริษัท บี.พี.ซี. เทรดดิ้ง จำกัด (ประเทศกัมพูชา) ซึ่งเป็นโจทก์ร่วม แต่จำเลยยังเพิกเฉยไม่คืนเงินตามตกลง ศาลเห็นว่าจำเลยมีเจตนาเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นของตน เป็นความผิดเข้าข่ายยักยอกทรัพย์ ซึ่งมีโทษเท่ากับฐานฉ้อโกง พิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา และสั่งให้จำเลยคืนเงินทั้งหมด 11,428,308 บาท แก่บริษัท บี.พี.ซี.เทรดดิ้งฯ
ภายหลังฟังคำพิพากษา ร.ต.ท.เชาวรินธร์ มีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ระหว่างยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว.