
เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร ใช้ปลาสด ล่อตัวเหี้ย ขึ้นจากน้ำ คล้องบ่วงผูกคอ จากนั้นใช้กระสอบป่านคลุม และนำขึ้นรถบรรทุก เพื่อนำส่งไปยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน จ.ราชบุรี วันนี้จับไปทั้งหมด 40 ตัวตามเป้าหมาย
สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ระบุเบื้องต้นสำรวจพบตัวเหี้ยที่สวนลุมพินี มีจำนวนประมาณ 400 ตัว ได้สร้าง ความหวาดกลัวให้กับประชาชน ที่มาออกอำกังกาย และจำนวนที่มากเกินไป ก็ส่งผลต่อระบบนิเวศภายในสวน ซึ่งสวนทางกับความเห็นของประธานมูลนิธิเรารักสวมลุมพินี
ก่อนหน้านี้ กรุงเทพมหานคร เคยจับตัวเหี้ยไปปล่อย ถึง 2 ครั้ง รวมจำนวน 87 ตัว ซึ่งหากดำเนินการตามแผนที่วางไว้ จะสามารถจับตัวเหี้ยได้ทั้งหมด 167 ตัว ให้เหลือตัวเหี้ยในสวนลุม ประมาณ 233 ตัว
ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมาเฝ้าสังเกตปฏิบัติการจับตัวเหี้ยอย่างใกล้ชิด เห็นว่าการควบคุมประชากรเหี้ย ที่ดีกว่าการย้ายสัตว์ไปไว้อีกที่หนึ่ง ก็คือการเก็บไข่ออกจากรัง แต่ปัญหาก็คือไม่มีใครรู้ว่ารังของตัวเหี้ยอยู่ตรงไหน ในประเทศไทย ตัวเหี้ย เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองลำดับที่ 19 ของ พระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์ป่า ปี 2535 หลังมีปัญหาจำนวนประชากรเหี้ยเพิ่มมากขึ้น ก้มีข้อเสนอให้ปลดออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งเรื่องนี้ เตือนใจ นุชดำรงค์ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ เห็นว่า ยังไม่มีความจำเป็น
และนี่คือบางส่วนในโซเซียลมีเดีย ที่ระบุว่าต้องการปลุกจิตสำนึกต่อสิ่งแวลล้อม และ นำเสนออีกแง่มุม ของ ตัวเหี้ย พร้อมกับตั้งคำถามว่า ใครกันแน่ที่ทำลายระบบนิเวศ? เพราะถ้าไม่มีตัวเหี้ย จำนวนหนู และงู รวมทั้งเศษซากปลาตายในสระสวนลุม จะเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่มีตัวเหี้ยคอยจัดการ
ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่า หลังมีกระแสสังคมต่อเรื่องนี้ กรุงเทพมหานคร จะจัดการกับตัวเหี้ยอย่างไรต่อไป หรือปล่อยให้เรื่องเงียบไปเอง