svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ปฏิบัติการล้างบาง"เหี้ย" จุดเปลี่ยน"ห่วงโซ่"สวนลุมฯ

"บ้าบอน่า ไปจับมันทำไม สงสาร มันไม่ได้ขโมยของใครซะหน่อย" หนึ่งในเสียงตะโกนคัดค้านจากชาวสวนลุมฯ ต่อปฏิบัติการล้างบางตัวเงินตัวทอง หรือ"เหี้ย" ที่ดังแทรกขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่สำนักสิ่งแวดล้อมตั้งแถว เตรียมปูพรมลดจำนวนชาวเหี้ยภายในสวนลุมพินี เปิดทางฟื้นระบบนิเวศน์ ส่งต่อเหี้ยสู่โลกใบใหม่ ณ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน จ.ราชบุรีดูแล

เมื่อย้อนดูลางร้ายของเหี้ยสวนลุมฯเริ่มขึ้นเมื่อประมาณปลายปี 2552 ในช่วงนั้นพื้นที่สวนลุมเป็นสถานที่ยอดนิยมในการออกกำลังกาย แต่มีประชาชนบางส่วนทำหนังสือร้องเรียนผ่านช่องรับเรื่องร้องทุกข์ของกทม.1555 ถึงความไม่เหมาะสมในการที่มีตัวเหี้ยอยู่เกลื่อนในสวนสาธารณะ จึงอยากให้กทม.จำกัดจำนวนประชากรให้เหมาะสมกับสถานที่มากกว่านี้
ขณะเดียวกัน จากคำบอกเล่าของนักวิชาการเกษตรสวนลุมพินีสำนักงานสวนสาธารณะสังกัดสำนักสิ่งแวดล้อมกทม.ในข้อร้องเรียนเกี่ยวกับเหี้ยที่หนักที่สุดกรณีที่มีผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งกินอาหารกับเพื่อนๆที่ร้านอาหารในบริเวณสวนลุมพินีแล้วเกิดเหตุตัวเหี้ยตกจากต้นไม้ใส่ตัวเธอ

ปฏิบัติการล้างบาง"เหี้ย"
จุดเปลี่ยน"ห่วงโซ่"สวนลุมฯ



วันนั้นเธอต้องเย็บแผลบนหัว 2 เข็ม มีการฉีดยาเพื่อป้องกันโรค เพราะสิ่งที่น่ากลัวของตัวเหี้ยที่หมอเป็นห่วงก็คือ แบคทีเรียที่ปากของมันที่เกิดจากการกินของเน่าเสียรวมค่ารักษานั้นตก 6-7 พันกว่าบาท และตัวเธอก็ได้ไปแจ้งความที่สน.ลุมพินีไว้เป็นหลักฐานด้วย

ปฏิบัติการล้างบาง"เหี้ย"
จุดเปลี่ยน"ห่วงโซ่"สวนลุมฯ



ส่วนวิธีจับของกทม.ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มคนรักษ์สัตว์ว่าโหดร้ายแต่เจ้าหน้าที่ได้ขอความเห็นใจเนื่องจากเหี้ยเป็นสัตว์ที่มีกำลังมากการจับแต่ละตัวต้องใช้เจ้าหน้า3-4คนที่ผ่านมาเคยมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งถูกหางฟาดที่หน้าขาเพราะมัวแต่ไประวังปากและเล็บเท้าของที่แหลมคมแต่ส่วนที่เป็นอันตรายของมันก็คือหางอันทรงพลังของมัน

ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้สำนักสิ่งแวดล้อม ได้ส่งเจ้าหน้าที่จับเหี้ยไปปล่อยแล้ว 2 ครั้ง จำนวน 87 ตัว โดยในวันนี้ได้ตั้งเป้าจับให้ได้ 40 ตัว จากที่ประเมินไว้ว่าพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์เชิงระบบนิเวศน์ในสวนลุมพินี จะมีเหี้ยใช้ชีวิตมากถึง 400 ตัว กระจายสมาชิกครอบครัวตามแหล่งน้ำในสวนลุมพินีทั้ง 5 แห่งสำคัญ ตั้งแต่บึงน้ำรอบเกาะลอย บึงริมรั้วตามแนวคลองน้ำถนนพระรามสี่ บึงข้างสะพานลอยสวนปาล์ม ริมคลองน้ำถนนวิทยุ และบริเวณสะพานหอนาฬิกา
โดยขั้นตอนการอพยพ และเรื่องการเก็บ"ไข่เหี้ย" กทม.จะประสานงานกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เนื่องจากตัวเหี้ยเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง การจับต้องทำเรื่องขออนุญาตเสียก่อน

ปฏิบัติการล้างบาง"เหี้ย"
จุดเปลี่ยน"ห่วงโซ่"สวนลุมฯ



ความยากของการจับเหี้ยเจ้าหน้าที่บอกว่า มันแรงเยอะ เป็นสัตว์ที่ชอบกินปลา นก เต่า วันนี้จึงใช้ปลาดุกอุยตัวใหญ่มาล่อ พร้อมกับอุปกรณ์ไล่ล่า ตั้งแต่"ไม้คล้องบ่วง"ซึ่งเป็นท่อพีวีซีสอดเชือกด้านในยาว 2 เมตร เชือกเตรียมมัด และกระสอบป่านเตรียมออกปฏิบัติการ โดยเริ่มแรกเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังโอบล้อมบ่อน้ำขนาดใหญ่ และใช้ปลาดุกผูกเชือกโยนลงไปในบ่อ แต่ปรากฏว่า ตัวเหี้ยไม่หลงกลเข้ามากิน"เหยื่อล่อ"มันยังคงลอยคอแหวกว่ายรับลมบนผิวน้ำอย่างสบายใจ ท่ามกลางสื่อมวลชนและประชาชนที่ยืนลุ้นการจับเหี้ยอยู่เต็มตลิ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ยอมรับว่าวันนี้เป็นงานหิน เพราะมีคนมามุงเป็นจำนวนมาก ทำให้มันไม่กล้าเข้ามาใกล้เหยื่อแม้แต่น้อย

กระทั่งเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงเศษนักข่าวในพื้นที่ได้รับแจ้งว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับ"เหี้ยตัวแรก" ได้สำเร็จในบึงด้านหอนาฬิกา ซึ่งอยู่อีกฝากของสวนลุมพินี สื่อมวลชนจึงกรูเข้าไปติดตามทำข่าว ท่ามกลางฝนที่เริ่มเทลงมาอย่างหนัก ทำให้เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนตัดสินใจยุติการจับตัวเหี้ยชั่วคราว แต่เมื่อฝนเบาลงการกวาดล้างเหี้ยก็กลับมาอีกครั้ง โดยในรอบนี้ "ทีมนักล่า" ได้พยายามไล่ต้อนตัวเหี้ยมาจนมุมที่ริมบึงฝั่งถนนพระรามสี่ ซึ่งในจุดนี้พบว่าเป็นจุดชุ่มพื้นที่สีเขียวมากที่สุด

ปฏิบัติการล้างบาง"เหี้ย"
จุดเปลี่ยน"ห่วงโซ่"สวนลุมฯ



นาทีนั้นเจ้าหน้าที่ได้ยืนประจันหน้าเหี้ยบนขอบบึง ก่อนตัดสินใจใช้เหยื่อโยนลงบ่อเพื่อล่อเหี้ยอีกครั้ง แรงต่อสู้ของมันทำให้ผิวน้ำกระจายเป็นระลอกใหญ่ จนในที่สุดก็ต้องแพ้แรงมนุษย์ และถูกหิ้วขึ้นมาพ้นน้ำสำเร็จ มันมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 20 กิโลกรัม ลำตัวหัวถึงหางยาวไม่ต่ำกว่า 2 เมตร สีผิวเคลือบเงาดูดุดัน แต่เมื่อร่างของมันถูกพันธนาการด้วยเชือกที่มัดทั้งมือและปาก ก่อนถูกจับใส่กระสอบป่านที่ถูกน้ำชุ่มไว้ สีหน้า แววตา อิสระภาพสุดท้ายภายในสวนลุมพินีก็จบลง

อย่างไรก็ตามแม้จะมีอุปสรรค แต่สุดท้ายก็จับได้ตามเป้า 40 ตัว โดยพื้นที่ที่จับได้มากที่สุดคือบริเวณ "เกาะลอย" ที่จับได้ถึง 18 ตัว

ปฏิบัติการล้างบาง"เหี้ย"
จุดเปลี่ยน"ห่วงโซ่"สวนลุมฯ


"สุวรรณา จุ่งรุ่งเรือง" ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม ระบุว่า สวนลุมพินีเป็นพื้นที่ใหญ่ มีพื้นน้ำ 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นแหล่งที่อยู่ของตัวเงินตัวทอง ที่ผ่านมาสัตว์เหล่านี้ยังไม่ถึงขั้นไปทำร้ายใคร มีแต่ไปวิ่งตัดจักรยานของประชาชนบางครั้ง โดยเฉพาะระบบนิเวศน์ในสวนลุมพินีที่สมบูรณ์ ตัวเงินตัวทองได้ทำลายระบบนิเวศน์ภายในสวนลุมพินี สร้างความเสียหายให้กับแปลงปลูกต้นไม้และทำลายตลิ่ง หรือบางครั้งสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนที่มาออกกำลังกาย

ทว่า "นิพนธ์ บุญญภัทโร"รองประธานบริหาร มูลนิธิเรารักสวนลุมพินี และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ยืนยัน ไม่เห็นด้วยกับการจับเหี้ย เพราะเหี้ยไม่เคยทำร้ายใคร มันเป็นเพื่อนกับเจ้าหน้าที่ทุกคนในสวนลุมฯ ตั้งแต่ยามไปจนถึงแม่ค้า ไม่เข้าใจว่าเป็นนโยบายอะไรที่ต้องทำถึงขนาดนี้ กทม.มีงานอื่นให้ทำตั้งมากมาย มาเสียเวลากับตัวเหี้ยกันทำไม


ขณะที่ความเห็นหลากหลายจากสังคมชาวทวิตเตอร์ ที่สะท้อนต่อแผนจับเหี้ยในครั้งนี้ อาทิ @Suviwan มันไม่ได้ทำร้ายใครนะ @teeteekrub คิดได้ไง ถามว่าต้องการอะไรทำแบบนี้ ย้ายเพราะมันทำลายระบบนิเวศน์เหรอ ? มันอยู่มานานกี่ปีแล้ว ระบบนิเวศน์อะไรเสีย ? @TeddyKung ถ้าพูดได้ เขาคงถามว่า "จับกูทำไม" @mungship ผมทำไรผิด จับมัดยิ่งกว่าจับโจร @suxco น้องเหี้ยน่ารักมากๆ ครับ อยากเอามาเลี้ยงดูที่บ้าน @thefinixize น่าจะต่างคนต่างอยู่ มันไม่ได้ทำไรผิด เต็มที่ก็เดินลัดสนาม ตัดหน้าจักรยาน นอนรับลม @kamonratim ตัวเหี้ย ช่วยกินซากสัตว์ ให้ขนมปังมันยังไม่กินเลย มันไม่ทำร้ายคนด้วย เพียงแต่คนกลัวมันไปเอง หรือ @tar_sonata สงสารเหี้ย

สำหรับ"เหี้ย"ถือเป็นสัตว์เลื้อยคลาน มีอายุเฉลี่ยประมาณ 15-20 ปี ส่วนใหญ่มันจะกินเศษซากสัตว์เป็นอาหาร ส่วนการผสมพันธ์จะออกลูกเป็นไข่คราวละ 15-20 ฟอง ใช้เวลาฟัก 45-50 วัน จะวางไข่ในปลายฤดูร้อนต่อเนื่องฤดูฝน ซึ่งตัวเหี้ยมีความจะสามารถในการปรับตัวทุกสภาพแวดล้อมได้ดี ที่สุดแล้วเมื่อนักล่าต้องถูกล่าโดยผู้ล่าที่อยู่บนยอดสูงสุด"ห่วงโซ่อาหาร"ภายในสวนลุมพินีจากนี้ ย่อมเปลี่ยนแปลงทางใดทางหนึ่งแน่นอน

ปฏิบัติการล้างบาง"เหี้ย"
จุดเปลี่ยน"ห่วงโซ่"สวนลุมฯ

ปฏิบัติการล้างบาง"เหี้ย"
จุดเปลี่ยน"ห่วงโซ่"สวนลุมฯ

ปฏิบัติการล้างบาง"เหี้ย"
จุดเปลี่ยน"ห่วงโซ่"สวนลุมฯ