
10 ก.ย. 59 - นายสุกษม อามระดิษ เลขานุการสมาคมแพทย์แผนไทย กล่าวในรายการกรองข่าววันเสาร์ เอฟเอ็ม 102 ถึงกรณีผลกระทบจากพ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 ต่อร้านนวดแผนไทย ว่า ในช่วงรอยต่อของการยื่นขออนุญาตตามกฎหมายก่อนพ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 ก.ย.นี้
ทำให้เกิดช่องว่างในการเรียกรับส่วย โดยแฝงมากับตู้แดงเดือนละ 3,000-4,000 บาท มาจนถึงขณะนี้อาจสายเกินไปที่จะแก้ปัญหาแล้ว ปัญหามีความสับสนว่าต้องขออนุญาตที่ไหน ร้านฟิสเนสโยคะก็อยู่ในข่ายสถานประกอบการเพื่อสุขภาพต้องเตรียมตัวยื่นขออนุญาตหรือไม่ คุณลักษณะของร้าน ขาดความกว้างของโต๊ะเตียงก็ยังไม่กำหนด แสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) แต่กลับแจ้งให้ตำรวจไปตรวจร้านนวด
ในส่วนของผู้ถือครองประกาศนียบัตรก็กลายเป็นผิดกฎหมาย เพราะสบส.ไม่รับรอง ร้านนวดไม่ได้ทำผิดอะไรการประสานให้ตำรวจไปไม่ช่วยแก้ปัญหา แม้ไม่เก็บส่วยก็ทำให้ภาพลักษณ์ร้านนวดเสียหาย จึงขอให้เอาพ.ร.บ.ฉบับนี้ไปเทียบเคียงกับรัฐธรรมนูญ โดยกฎหมายที่สร้างภาระให้กับประชาชนต้องยกเลิก นอกจากนี้จะรวบรวมขอเข้าพบพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ข้อมูลกรณีส่วยร้านนวดด้วย
นายสุขกษม กล่าวอีกว่า กฎหมายสถานประกอบการเพื่อสุขภาพยังซ้ำซ้อนกับพ.ร.บ.สถานบริการ ทำให้ผู้ประกอบการเกิดความสับสนว่าต้องขออนุญาตจากทั้งกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ โดยประเด็นนี้หน่วยราชการเองก็ยังสับสนว่าจะรับจดแจ้งอย่างไร ทำให้ผู้ประกอบการกังวลทั้งเรื่องส่วยและการยื่นขออนุญาต ส่วนตัวมองว่ากฎหมายนี้เป็นกฎหมายอันธพาลระรานหน่วยงานอื่นไปทั้งหมด ในหมวดผู้ให้บริการ สบส. กำหนดหลักสูตรกลางขึ้น 11 หลักสูตร แต่ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานเป็นผู้อบรมหมอนวด ไม่นับรวมร้านนวดของคนตาบอดซึ่งเคยฝึกสอนกันเอง ก็กำหนดหลักสูตรนวดของคนตาบอดขึ้น 3 หลักสูตร จึงกลายเป็นภาระให้ผู้พิการว่าจะให้เดินทางไปเรียนที่กระทรวงสาธารณสุขอย่างไร