โดยที่วัดร่องขุ่นเองได้มีการจัดระบบร่วมกับมัคคุเทศก์หรือไกด์และเจ้าหน้าที่ดูแลพื้นที่รวมทั้งติดตั้งป้ายสถานที่ต่างๆ ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษและภาษาจีน ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งหมดต่างได้รับการอำนวยความสะดวกและปฏิบัติตามระเบียบภายในวัด เช่นการไม่สูบบุหรี่ภายในวัด นุ่งห่มเสื้อผ้ามิดชิดโดยเฉพาะสุภาพสตรี และการใช้ห้องน้ำอย่างสะอาด
อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยประสบปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวจีน และกลายเป็นคนแรกๆ ที่ออกมาด่าคนจีน แต่ต่อมาก็คิดได้ และได้ปรับตัวโดยมีการพัฒนาวัดร่องขุ่นในหลายๆ ด้าน ทั้งการเพิ่มบุคลากรโดยเฉพาะการใช้ภาษาจีน จัดอบรมและหารือร่วมกับไกด์ ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ติดตั้งป้ายต่างๆ จนปัจจุบันไม่ด่าคนจีนแล้วและเป็นที่รักของกันและกันทำให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางโดยเครื่องบินมาเยือนวัดร่องขุ่นอย่างคับคั่ง โดยไม่ได้รับผลกระทบจากการเข้มงวดการเข้ามาของรถยนต์ด้าน อ.เชียงของ
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ไปเยือนวัดร่องขุ่นเป็นชาวจีน 70% ชาวตะวันตกราว 20% และคนไทยมีแค่ 10% ซึ่งจะเห็นได้ว่าหาคนไทยได้น้อยมาก สาเหตุเพราะคนจีนให้ความนิยมไปเยือนวัดร่องขุ่นกันมากแม้จะเดินทางทางรถมาไม่ได้เขาก็นั่งเครื่องบิน จึงอยากให้หน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้องได้หันมาพัฒนาหรือปรับองค์กรภายในด้วยเพราะคนจีนเขาก็มีหัวใจ เราเองก็มีหัวใจ การจะอยู่ร่วมกันได้โดยประสานความรักและผลประโยชน์ร่วมกันก็ต้องปรับตัวหากันด้วย
"เขามาเราก็ด่า เขาไม่มาเราก็คิดถึงและเดือดร้อนกันไปทั่ว นี่แหละคือปัญหา ดังนั้นสิ่งที่เราจะต้องทำให้มากคือการปรับตัวไม่ใช่ไปด่าๆ เขาลูกเดียวแล้วไม่ทำอะไรเลย อย่างวัดร่องขุ่นเราบริหารจัดการกันใหม่หมด โดยร่วมมือกับทุกฝ่าย ปัจจุบันคนจีนที่ไปเยือนเข้าใจดีมากขึ้นเพราะมีทั้งคนและป้ายแนะนำเขา จึงไม่มีผู้ชายไปยืนฉี่ข้างวัด ไม่มีคนสูบบุหรี่ ห้องน้ำห้องท่าก็สะอาดไม่มีการทำเลอะเทอะเหมือนเดิมอีก จะมีก็น้อยมาก เพราะเราเข้าใจกันได้เป็นอย่างดีแล้ว" อาจารย์เฉลิมชัยกล่าว