
จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จากนั้นเข้าศึกษาต่อคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 35ก่อนจะไปศึกษาต่อปริญญาโท และปริญญาเอก ทางด้านพุทธศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
เช่นเดียวกับพระธัมมชโย พระมหาสมชาย อุปสมบท เมื่อที่วัดพระธรรมกายโดยมีพระธรรมปัญญาบดี หรือ สมเด็จช่วง วรปุญฺโญ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์ในปี 2528
คนใกล้ชิดเปิดเผยว่า พระมหาสมชาย ซึ่งไม่ค่อยปรากฏตัวสาธารณชนมากนัก เคยได้รับฉายาว่า กางเกงเหล็ก เนื่องจากเป็นคนมีอุปนิสัยเด็ดขาด เป็นตัวของตัวเอง จึงทำให้มีแนวทางการบริหารงานแบบเบ็ดเสร็จไม่เปิดรับฟังข้อเสนอแนะจากใคร เปรียบเหมือนการออกแบบกางเกงมา 1 ตัวที่ทำด้วยเหล็ก ทุกคนต้องใส่ให้ได้
เบื้องหลังพระมหาสมชาย คือ พระเผด็จ ทัตตชีโวรองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายที่มีอำนาจรองจากพระธัมมชโย โดยในอดีตพระทัตตชีโว เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการออกหน้าปกป้องพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย
พระทัตตชีโว มีนามเดิมว่า เผด็จ ผ่องสวัสดิ์ กำเนิดในครอบครัวชาวไร่ในจังหวัดกาญจนบุรี เป็นพระที่ร่วมก่อสร้างวัดพระธรรมกาย ร่วมกับพระธัมมชโย
แต่ด้วยอายุที่มากถึง 78 ปี พระทัตตชีโวปัจจุบันจังเลือกที่จะปฏิบัติการอยู่เบื้องหลัง โดยมีพระครูอนุรักษ์ โสตถิปัญโญ เป็นมือขวา ที่ทำหน้าที่สำคัญคือการวางแนวทางการสื่อสารของวัดธรรมกายกับสาธารณะ ผ่านนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกวัดของวัด
เป็นที่ทราบกันว่าก่อนที่โฆษกวัดพระธรรมกาย จะออกแถลงการณ์หรือหรือสื่อสารในเรื่องใดพระอนุรักษ์จะต้องติวเข้ม และให้คำแนะนำ
ส่วนพระที่มีบทบาทคอยดูแลเรื่องการเงินคือพระสุวิทย์ สุวิชชาโภปัจจุบันเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีทีมงานที่ถือเป็นมันสมองอยู่เบื้องหลัง แต่อำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้ายก็ยังอยู่ที่พระธัมมชโย ซึ่งถูกเรียกภายใต้รหัส 101 แต่ผู้เดียว ซึ่งหากพระธัมมชโยไม่เอาด้วยกับข้อเสนอใด ข้อเสนอนั้นก็ต้องตกไป ซึ่งเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เริ่มสร้างวัด
ส่วนมวลชน กำแพงมนุษย์ที่เข้ามาอยู่ในวัดช่วงนี้ ทีมข่าว PRIMETIME ได้รับข้อมูลมาว่า มีพระและประชาชนประมาณ 10,000-15,000 คนแบ่งเป็น4กลุ่ม โดยกลุ่มแรกจะเป็นเจ้าหน้าที่วัดประมาณ 3,000-5,000คนกลุ่มที่สองคือลูกศิษย์ที่เดินทางไป-กลับ จะมีประมาณ 1,000 คน กลุ่มที่สาม คือกลุ่มที่มาดูเหตุการณ์ และมาให้กำลังใจ ประมาณ500 คน และกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มพักค้างปฏิบัติธรรมตามโครงการประมาณ 5,000-8,000 คน