
ร.ต.ท.ไกรสร เที่ยงธุติ รอง สวป.สภ.บางบัวทอง เล่าว่า ขณะนั้นเข้าเวรสายตรวจเดินเท้าอยู่บริเวณดังกล่าว หลังได้รับแจ้งเหตุจึงรีบไปที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงก็พบว่าคนร้ายล็อกคอเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 10 ปีไว้ โดยใช้มีดเป็นอาวุธจี้คอเด็ก อีกมือถือค้อน
ขณะเดียวกันแม่ของเด็กหญิงคนดังกล่าวพยายามพูดจาอ้อนวอนให้คนร้ายปล่อยลูกสาวอยู่ตลอดเวลาท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่มามุงดูเหตุการณ์
เบื้องต้นทราบว่า คนร้ายเดินตามเด็กคนดังกล่าวที่มากับแม่ ก่อนจะกระชากตัวเด็กมา ในขณะที่แม่ของเด็กกำลังกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม แล้วล็อกคอมาที่บริเวณหน้าร้านทอง คนร้ายบอกให้พนักงานในร้านทองส่งทองรูปพรรณให้ แต่พนักงานไม่ทำตามคำสั่งของคนร้าย ดังนั้นคนร้ายจึงใช้ค้อนทุบตู้โชว์ทองรูปพรรณ ขณะเดียวกันพนักงานในร้านช่วยกันเก็บทองรูปพรรณ
ตนเองพยายามเกลี้ยกล่อมให้คนร้ายวางอาวุธ และปล่อยเด็ก ต่อมาทราบว่า คนร้ายเป็นชาวพม่า ชื่อ นายอ่องซูนั่ย อายุ 26 ปี สติไม่ดี คุ้มดีคุ้มร้ายใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอยู่ประมาณ 5 นาที แต่ก็ไม่สำเร็จ ต่อมามี รปภ. ของห้าง และอาสาสมัครที่อยู่ในละแวกนั้น เข้ามาในที่เกิดเหตุ และจะใช้กระบองเหล็กตีคนร้าย แต่ได้ห้ามไว้ เนื่องจากเห็นว่ารุนแรงเกินไป ขณะเดียวกัน กลุ่มอาสาสมัคร และ รปภ.ก็หาไม้มาซ่อนไว้ พอได้จังหวะคนร้ายเผลอ มือที่ถือมีดอยู่ห่างจากคอเด็ก จึงส่งสัญญาณให้เข้าตีทางด้านหลังของคนร้าย แย่งค้อน แย่งมีด พร้อมกับช่วยเด็กออกมาได้อย่างปลอดภัยขณะนั้นคนร้ายพยายามต่อสู้ แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ตลอดจนประชาชนเข้ารุมประชาทัณท์จนลงไปนอนกับพื้น อย่างไรก็ตาม คนร้ายได้รับบาดเจ็บ หัวแตก หมอเย็บให้ 4 เข็ม จากนั้นก็ควบคุมตัวไปสอบสวนและดำเนินคดีที่โรงพัก สภ.บางบัวทอง
ส่วนเด็กหญิงมีรอยข่วน รอยถลอกที่บริเวณคอเล็กน้อย
พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หากประชาชนอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องให้ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีความชำนาญ เป็นผู้เข้าไปชาร์จคนร้าย เพราะกรณีอย่างนี้มีโอกาสที่จะพลาดก็มีอยู่ เพราะอันดับแรก ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวประกันเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์อยู่ในช่วงที่สามารถดำเนินการได้ ก็ดำเนินการไป แต่ผู้ที่เข้าไปชาร์จควรจะเป็นผู้ที่มีความชำนาญเรื่องของการต่อสู้ป้องกันตัว หรือเรื่องของการจับล็อกคนร้าย
หากเป็นประชาชนทั่วไปอยู่ในเหตุการณ์ ไม่มีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ป้องกันตัว ก็ควรรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเป็นผู้ดำเนินการ จะมีความเหมาะสมมากกว่า ขณะที่ประชาชนทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะประเมินสถานการณ์และตัดสินใจว่าจะใช้หรือไม่
หากประชาชนพบเหตุการณ์อย่างนี้ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็ว อย่าพยายามเข้าดำเนินการเองอย่างเด็ดขาด จะเป็นการเพิ่มความเครียดให้กับคนร้ายที่มีตัวประกัน โดยเฉพาะคนร้ายที่มีอาการทางจิต การจะเกลี้ยกล่อมต้องใช้เวลา ต้องใช้หลักจิตวิทยาในการเจรจากับคนร้าย จนกระทั่งคนร้ายคลายความเครียด ยอมวางอาวุธ และยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการอบรม มีหลักสูตรในการเจรจาต่อรอง ในภาวะวิกฤติ ซึ่งจะมีการอบรมทุกปี เพื่อเป็นการทบทวนความรู้ด้วย เมื่อเกิดเหตุก็จะสามารถปฏิบัติการได้ทันท่วงที