นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลตำบลราไวย์ ลงพื้นที่บริเวณชายหาดราไวย์ เพื่อสำรวจความเสียหายจากกรณีคลื่นกัดเซาะชายฝั่ง จนส่งผลให้เขื่อนกันคลื่นพังเป็นแนวยาวระยะทางประมาณ 30 เมตร และจากการลงพื้นที่ยังพบแนวเขื่อนที่ถูกน้ำกัดเซาะจนถึงแนวต้นสนอายุกว่า 15 ปี ซึ่งอยู่ติดกับทางเท้า และห่างจากถนนประมาณ 5-6 เมตร หากปล่อยไว้ก็อาจจะพังทลายเพิ่มเติมจนถึงแนวถนน
ส่วนการแก้ปัญหาในระยะยาวนั้นจะต้องมีการหารือร่วมกันของทุกภาคส่วน ทั้งส่วนของเทศบาลฯ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านชายฝั่งซึ่งทราบว่าทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของภูเก็ตไว้แล้ว รวมทั้งชาวบ้านที่ประกอบอาชีพหรืออาศัยอยู่ในบริเวณนี้มาหารือร่วมกัน เพราะชาวบ้านจะทราบการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำในแต่ละปีเป็นอย่างดี เพราะหากมองเฉพาะหลักวิชาการเพียงอย่างเดียวการแก้ปัญหาอาจจะไม่ตรงจุด
โดยจากการประเมินเบื้องต้นระยะทางที่จะต้องดำเนินการไม่ต่ำกว่า1กิโลเมตร เพราะในแต่ละปีปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้นและค่อนข้างแรงมากซึ่งทำให้มีการเซาะค่อนข้างมากตามไปด้วย ดังนั้นจะต้องหารือกันร่วมกันหลายฝ่ายเพื่อให้หาแนวทางในการลดการกัดเซาะให้เหลือน้อยที่สุด นายอรุณกล่าว