
โดยมี พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา พล.ต.ต.ขจรศักดิ์ ปานสาคร,พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง รอง ผบช.ภ.4 พร้อม พล.ต.ต.พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงศ์สมาม ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พล ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธุ์ ผกก.สส.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.พรชัย บุญรอด ผกก.สภ.บ้านผือ นำเข้าด้วยการเดินเท้าเข้าไปกว่า 400 เมตร เพื่อดูสภาพจุดเกิดเหตุจริง ตั้งแต่จุดแรกศพนางบังอร ทองอ่อน อายุ 57 ปี นายทุนเงินกู้รายย่อย บ.ดงบัง ต.โนนทอง อ.บ้านผือ ที่พบเมื่อ 2 ปีก่อน ไม่พบจุดอื่นเพราะต้นหญ้าเพ็กขึ้นปกคลุม และดูสภาพจุดที่อยู่ใกล้เคียง รวมทั้งจุดที่ 23 ที่อยู่ใกล้ถนนมากที่สุด
ขณะที่คณะตรวจดูสภาพพื้นที่บางส่วน รับฟังคำอธิบาย และสอบถามข้อสงสัย ได้มีประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงเดินทางมาดู สุสานเผานั่งยางตลอดเวลา รวมทั้งนางเพียรตรา โพธิวงศ์ อายุ 55 ปี และ น.ส.วันวิสา สมดี อายุ 28 ปี ราษฎรบ้านเชียงพัง ม.3 ต.นากว้าง อ.เมือง อุดรธานี เดินทางมาแจ้งความที่ สภ.บ้านผือ ตามหานายณรงค์ สมดี อายุ 56 ปี ลูกพี่ลูกน้องและพ่อ พ่อค้าขายไอศกรีม ที่หายออกจากบ้านไปเมื่อ เม.ย.57 ก่อนเดินทางมาดูพื้นที่ ที่อาจจะถูกอุ้มมาเผานั่งยางเช่นกัน
นางเพียรตา เปิดเผยว่า นายณรงค์ เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ซึ่งก่อนหน้าที่จะหายตัวไป ทราบว่ามีการไปกู้เงินนอกระบบมาหลายเจ้า แต่ไม่ถึงแสนบาท ซึ่งวันที่หายตัวไป ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น รู้แต่ว่าอยู่ ๆ ก็หายตัวไป โทรศัพท์ติดต่อก็ไม่ได้ ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองอุดรธานี มาถึงวันนี้ไม่มีความคืบหน้า ทราบว่ามีการพบจุดเผานั่งยางที่นี่ จึงเดินทางมาดูที่เกิดเหตุ และจะให้ปากคำกับทางตำรวจบ้านผือ และพร้อมจะตรวจดีเอ็นเอ เพราะอาจจะมีญาติของเราที่อยู่จุดที่เผานั่งยางนี้
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ท่านนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และ ผบ.ตร.ให้ความสำคัญ พร้อมมอบหมายให้ตนมาดูแลในคดีนี้ หลังทราบเหตุการณ์ตนได้สั่งการให้ ผบช.ภ.4 ลงตรวจพื้นที่ พร้อมตั้งชุดทำงาน รวมทั้งตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาเก็บรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้ทั้งหมด ซึ่งตนลงพื้นที่ เพื่อติดตามดูว่าความคืบหน้าของคดีไปถึงไหน เพื่อจะได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องไปดำเนินการต่อ โดยได้สั่งการให้เร่งการทำงานในทุกเรื่อง และเร่งในส่วนของการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก หากเกิดเหตุขึ้นใหม่ เราต้องเร่งในส่วนการปราบปรามที่จะตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้
ส่วนคดีที่เกิดขึ้น ทาง สตช.เราสามารถดูแลได้อยู่แล้ว คงไม่ต้องถึงกับให้ทาง ดีเอสไอ เข้ามาทำคดี เพราะที่ผ่านมาคดีที่สำคัญ ๆ หลายคดี ทางตำรวจเราสามารถทำได้อยู่แล้ว โดยคดีนี้ได้ให้ทาง พล.ต.ท.ปิยะ สอนตระกูล ผช.ผบ.ตร.ลงมาดูคดีด้วยตัวเอง ส่วนจะมีตำรวจเข้ามาเกี่ยวของกับคดีนี้หรือไม่ ผมยืนยันว่า ในกรณีที่มีการทำความผิดเกิดขึ้น แล้วเรารู้หรือว่ามีข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับใคร ก็ต้องดำเนินการไป ไม่ใช่เฉพาะคนใดคนหนึ่ง หากว่ามีข้อมูลหรือหลักฐานเกี่ยวพัน เราต้องดำเนินการตรงนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ให้เห็นว่าตำรวจทำงานตรงไปตรงมา ตามวัตถุพยานหลักฐานที่ปรากฎ