svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

รวบมือฆ่าโหด อ้างหึงน้องสาว

นครปฐม-ตร.รวบมือฆ่าโหดยิงหัวคว้านท้องหนุ่ม22อ้างเหตุหึงหวงน้องสาวบุญธรรมที่ผู้ตายบังอาจขอเป็นแฟนต่อหน้าเลยลวงมาฆ่าสั่งสอนแต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ

จากกรณี เจ้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน รับแจ้งเหตุพบศพ ถูกฆ่าทิ้งดงอ้อย บริเวณป่าช้าเก่า หมู่ที่13 ตำบลดอนข่อย อำเภอกำแพงแสนจังหวัดนครปฐม เมื่อเวลา13.00น. วันที่18เมษายน2559ที่ผ่านมา หลังรับรายงานและร่วมเข้าตรวจสอบ ทราบชื่อผู้ตายคือนายวิทยา มูลคำมี อายุ22ปี อยู่บ้านเลขที่69ม.2ตำบลโคกเครือ อำเภอ หนองกรุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งมีนางหนุย มูลคำมี อายุ55ปี มารดา เข้าพบพนักงานสอบสวน พร้อมยืนยันว่าศพดังกล่าวเป็นบุตรชายที่หายตัวออกจากบ้านไปเมื่อคืนวันที่7เมษายน ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา11.40น.วันนี้(20เมษายน2559) ที่สถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน พลตำรวจตรี กฤษณะ ทรัพย์เดช ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม พันตำรวจเอกรัตนะ ปาลจันทร์ รองผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม พันตำรวจเอกอุดม เปี่ยมศักดิ์ ผู้กำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม พันตำรวจเอกวิติพจน์ พจนาคม ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน พ.ต.ท.พฤฒ จำรูญศาสน์ รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ท.ชัยนรงค์ ดีศิริ สว.สส.ฯ พร้อมชุดจับกุม ได้ร่วมกันนำตัว นายชำนิ ตรียะพันธ์ (หรือเป๊กดอนข่อย) อายุ31ปี อยู่บ้านเลขที่25ม.13ต.ดอนข่อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.232/2559ลงวันที่19เม.ย.59ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซ่อนเร้นหรือย้ายศพเพื่อปิดบังการตาย มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังกำลังชุดสืบสวนทั้งของสถานีตำรวจภูธรกำแพงแสนและกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัด นครปฐม ร่วมกันสืบสวน จนพบว่า ผู้ที่ก่อเหตุครั้งนี้คือนายชำนิ ตรียะพันธ์

พลตำรวจตรี กฤษณะ ทรัพย์เดช ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า หลังทราบว่าผู้ตายเป็นใคร และจากการสอบปากคำพยานหลายปากรวมทั้งจากการตรวจสอบตามแนวทางการสืบสวนทำให้ได้เบาะแสผู้ต้องสงสัยคือนายชำนิ ตรียะพันธ์ หรือ เป๊กดอนข่อย ซึ่งทำงานอยู่โรงงานมะพร้าวแห่งหนึ่ง ในอำเภอกำแพงแสน ที่เดียวกับผู้ตายและรู้จักสนิทสนมกับผู้ตาย โดยนายชำนิ ตรียะพันธ์ มีน้องสาวบุญธรรมอยู่คนหนึ่งซึ่งมารดาได้นำมาเลี้ยงตั้งแต่เล็กๆปัจจุบันอายุ15ปีเศษ และเมื่อโตเป็นสาวนายชำนิ ตรียะพันธ์ ได้แอบชอบมีใจให้กับน้องสาวบุญธรรมอยู่ ขณะเดียวกันนายวิทยา มูลคำมี ซึ่งก็รู้จักคุ้นเคยกันที่ทำงานและเป็นคู่หูดื่มสราและคู่หูเสพยาเสพติดด้วยกัน ได้มาชอบพอน้องสาวบุญธรรม ของนายชำนิฯ

จากการสอบปากคำผู้ต้องหา ได้ให้การว่า สาเหตุที่ตัดสินใจลงมือสังหารผู้ตายนั้น เกิดจากไม่พอใจที่ นายวิทยา มูลคำมี ผู้ตาย ได้พูดสารภาพว่าชอบพอน้องสาวบุญธรรมของตัวเอง และขอเป็นแฟนกับน้องสาวบุญธรรมด้วย จึงวางแผนลวงนายวิทยาฯ ให้มาพบเพื่อดื่มสุรากัน จากนั้นก็ลวงมาฆ่าทิ้งโดยนายชำนิฯ อ้างว่า แค่แตะก้านคอแล้วใช้ท่อนไม้สะแกตีที่ศีรษะนายวิทยาฯแบบไม่ยั้งเท่านั้นจนตายคามือแล้วทิ้งซ่อนศพไว้ที่ป่าช้าเก่าข้างบ้านนายชำนิฯ นั่นเอง ซึ่งนายชำนิฯยังปฏิเสธว่า ไม่ได้ใช้ปืนยิง และไม่ได้ผ่าท้องศพ ที่ท้องศพกลวงโบ๋ นายชำนิฯอ้างว่า ศพอาจถูกสัตว์กัดกินตับไตไส้พุงไป

อย่างไรก็ตาม แม้ตำรวจจะสืบสวนจนรู้ตัวจนนำไปสู่ศาลอนุมัติหมายจับ และจับกุมนายชำนิฯได้และนายชำนิฯเปิดปากรับสารภาพว่า ลงมือฆ่านายวิทยาฯด้วยตัวเองคนเดียว แต่แนวทางการสืบสวนของตำรวจยังคงต้องสืบสวนกันต่อไปอีก เพราะคำรับสารภาพของนายชำนิฯ ยังมีพิรุธ เพราะจากสภาพศพที่พบบาดแผลการฆาตกรรมไม่ตรงกับคำให้การทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายชำนิฯ ผู้ต้องหาพาไปทำแผนชี้จุดที่ก่อเหตุและแสดงวิธีการสังหาร ผู้ตาย 

โดยนายชำนิฯ ยังได้เปิดปากสารภาพและเล่าถึงเหคุการรวมทั้งขั้นตอนวิธีฆ่าอย่างไม่สะทกสะท้าน ว่าที่ทำลงไปเพราะผู้ตายหยามเกียรติบังอาจมาขอเป็นแฟนกับน้องสาวบุญธรรม ซึ่งตนเองหวงมาก ซึ่งเตือนหลายครั้งแล้วก็ไม่ฟังว่า จึงลวงมาฆ่าทิ้ง และหลังฆ่าผู้ตายแล้วก็ได้เอาเหรียญยัดใส่ปากนายวิทยาฯไว้ด้วย นอกจากนี้นายชำนิฯ ยังรับสารภาพ อีกว่า ก่อนหน้านี้เคยฆ่าคนตายมาแล้วด้วยการตีจนตายแบบเดียวกันท้องที่ สภ.ดอนตูม เมื่อ กว่า6ปีที่ผ่านมา โดยครั้งนั้นถูกศาลตัดสินจำคุก11ปี แต่ติดจริงเพียง5ปีเศษ และเพิ่งพ้นโทษออกมาได้ปีเศษเท่านั้น