
จากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันค่อนข้างมากทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย กับภาพพ่นสีซึ่งเป็นรูปเด็กน้อยสามตาหน้าบึ้งหรือมาร์ดีสองตัว โดยตัวหนึ่งหิ้วเสี่ยหนาหรือปิ่นโต และอีกตัวจะติดปิ่นตั้ง หรือเข็มกลัดที่หน้าอก ซึ่งเป็นผลงานของ Alex Face หรือ พัชรพล แตงรื่น ศิลปินกราฟิตี้ (ภาพพ่น) บนฝาผนัง 2 บานของตึกธนาคารชาร์เตอร์ภูเก็ต หรือพิพิธภัณฑ์บาบ๋า ภูเก็ต ภายใต้โครงการ F.A.T. Phuket (Food Art old Town)ของกลุ่ม So Phuket ที่ทำงานให้กับเทศบาลนครภูเก็ต เพื่อสนับสนุนการที่ UNESCO ประกาศให้ภูเก็ตเป็น City of Gastronomy หรือเมืองแห่งวิทยาการด้านอาหาร
ในระหว่างที่ผู้สื่อข่าวไปทำการเก็บภาพนั้น ได้มีชาวภูเก็ตจำนวนหนึ่งจอดรถเพื่อถ่ายภาพบนฝาผนัง จากการสอบถาม ทราบว่ามีการแชร์ข้อความในเฟสบุ๊คว่าจะมีการลบภาพดังกล่าวแล้ว จึงมาเก็บภาพไว้ โดยส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจความหมายของภาพ เพราะไม่มีการอธิบายความใดๆ บางคนบอกว่า น่าเสียดายหากภาพดังกล่าวถูกลบทิ้ง เพราะหากมีภาพนี้ก็จะเป็นจุดเช็คอินอีกจุดหนึ่งของภูเก็ตในอนาคต
ในขณะที่บางคนก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด เพียงแต่ต้องการเก็บภาพไว้ ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก็ให้ความสนใจและมีการถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกด้วย
จากการสอบถามข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ทราบว่า ภาพพ่นสีบนฝาผนังดังกล่าว ดำเนินการภายใต้โครงการ F.A.T. Phuket (Food Art old Town) ของกลุ่ม So Phuket ที่ทำงานให้กับเทศบาลนครภูเก็ต เพื่อสนับสนุนการที่ UNESCO ประกาศให้ภูเก็ตเป็น เมืองแห่งวิทยาการด้านอาหาร ภายใต้ 12 คอนเซ็ปต์ อาหารการกินภูเก็ต โดยทุกภาพจะพูดเรื่องอาหารของหัวข้อนั้นๆ
หลังจากทำงาน Street Art เสร็จ ก็จะมีการจัดทำเป็นหนังสือและข้อมูลออนไลน์เพื่อแนะนำภูเก็ตในฐานะที่เป็น เมืองแห่งวิทยาการด้านอาหาร ประกอบด้วย 1. วิวาห์บาบ๋า (ขนม 12 อย่าง) 2. อาหารเช้าภูเก็ต 3. สภากาแฟยามบ่าย เตี่ยมซิ้ม 4. คลอดลูก ( 1 เดือนจะมีอิ่วปึ่ง) 5. ขนมเด็กวัยเรียน 6. พ้อต่อ(ขนมเต่า) 7. ตรุษจีน 8. กินผัก 9. ไหว้เทวดา (ผลไม้ อาหารหวาน) 10. รถเข็นแผงลอย 11. ครัวในบ้าน (เค้าทำอะไรกินกันบ้างในบ้าน) และ 12. ปิ๊กนิกริมเล +เดินเต่า
โดยจัดทำเรื่องของ "คลอดลูก ( 1 เดือนจะมีอิ่วปึ่ง)" เป็นภาพแรก และเหตุที่เลือกพ่นภาพบนผนังดังกล่าว เนื่องจาก หน้าต่างสองบานนี้ถูกก่ออิฐปิดภายหลัง แต่กลับเปิดช่องแสงด้านบน ดูภาพรวมจะขัดตามาก คล้ายงานสร้างผิดหรือต่อเติมโดยไม่เข้าใจองค์ประกอบสถาปัตยกรม งานวาดนี้ที่เลือกทำเพราะส่วนหนึ่ง คือ การแก้ไขเปลี่ยนจุดด้อยให้กลายเป็นจุดเด่น เอาเรื่องราววัฒนธรรมมาสื่อสารแทนโดยวาดเฉพาะในช่องเท่านั้น ทำให้เหมือนตรงนี้ไม่ใช่กำแพง สามารถเข้าไปยืนด้านในได้ ตัวหนูน้อยสามตาหน้าบึ้งหรือมาร์ดีสองตัวนี้ กำลังเล่นซ่อนหากัน
โดยภาพต้องการจะบอกเล่า เรื่องการคลอดบุตรแบบภูเก็ต ซึ่งบ้านที่มีลูกชายครบหนึ่งเดือน จะถือเสี่ยหนาที่มีอิ่วปึ่งนำไปแจกจ่ายตามบ้านเรือนของญาติๆ ส่วนตาสามสีบ่งบอกถึงความหลากหลายของชาติพันธุ์ของคนภูเก็ตที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ และมีเข็มกลัดปิ่นตั้ง ซึ่งเป็นเข็มกลัดโบราณที่ชาวภูเก็ตใช้ตกแต่งเสื้อผ้าเวลาออกงาน
ขณะที่ นายพีรสิษฐ์ จันจิรา คณะกรรมการชุมชนเมืองเก่าภูเก็ต ซึ่งได้มาเก็บภาพดังกล่าวด้วย ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพดังกล่าว ว่า ส่วนตัวมองว่าการพัฒนาเมืองภูเก็ตเราไปค่อนข้างไกล และเริ่มที่จะทัดเทียมกับนานาประเทศ กรณีของภาพวาดบนฝาผนังกำแพงนั้น ไม่ได้กระทบกับตัวตึกจนทำให้เสียสาระสำคัญไป และยังคงเป็นตึกอยู่เช่นเดิม ที่มีการเพิ่มเข้ามา คือภาพดังกล่าว ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียง มองว่าเมื่อมีสมบัติของแผ่นดินต้องมีคนหลายๆ กลุ่มมาร่วมแสดงออกได้ และน่าจะเป็นเรื่องที่ดีมากกว่า โดยจะเป็นจุดเช็คอินอีกแห่งหนึ่งของเมืองภูเก็ต
ส่วนที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์นั้น นายพีรสิษฐ์ กล่าวว่า ความคิดเห็นตนมองว่ามนุษย์เรากลัวการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ต้องดูว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีหรือเลวร้ายลง อย่าพึ่งคัดค้านว่า การทำเช่นนี้ไม่ดี แต่ต้องถามว่าเราถามใคร หากถามเด็กวัยรุ่นก็จะบอกว่าชอบและสวย แต่หากถามผู้สูงอายุก็จะบอกตรงข้าม ดังนั้นเรื่องนี้จึงอยู่ที่มุมมอง และที่สำคัญคือ ขาดการประชาสัมพันธ์ว่า ทำไมจึงมีภาพดังกล่าวมาปรากฏอยู่บนฝาผนังของอาคารธนาคารชาร์เตอร์ ซึ่งหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ดำเนินการได้มีการบอกกล่าวหรือชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบถึงเหตุผลในการจัดทำผลงานดังกล่าวออกมา น่าจะมีการรับฟังและมีความเข้าใจมากขึ้น
"บังเอิญว่า อยู่ๆ มีภาพปรากฏขึ้นมาโดยไม่มีการบอกกล่าวจึงเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ดังนั้นเราจึงไม่ควรที่จะด่วนสรุปว่าไม่ดี เพราะมุมมองของศิลปินเขาต้องมองแล้วว่าชิ้นงานที่ออกมานั้นส่วยงาม ในขณะที่ตนไม่ใช่ศิลปินก็ยังมองว่าสวยงาม และดีใจที่มีภาพดังกล่าว ซึ่งไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วโลกก็มีภาพในลักษณะนี้" นายพีรสิษฐ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยมองว่า ภาพดังกล่าวไม่เข้ากับตัวตึกซึ่งเป็นตึกโบราณที่เป็นสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกิส และไม่เข้าใจความหมายของภาพว่าคืออะไร ในขณะที่บางรายก็บอกให้ลบภาพดังกล่าวออกไป และหากจะทำอะไรก็ควรจะมีการสอบถามความคิดเห็นกันก่อน จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง และได้รับความสนใจค่อนข้างมาก รวมทั้งเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาอธิบายเหตุผลของการวาดภาพบนผนังดังกล่าว