
สืบเนื่องกรณีระหว่างวันที่ 1-26 ธ.ค.57 จำเลยร่วมกันปลอมลายมือชื่อโจทก์และหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายศิริชัย สามีโจทก์ ว่ามอบอำนาจให้นายกำธร จำเลย โอนที่ดิน 9 แปลงให้กับนางศิริพร จำเลยที่ 1 แล้วนายกำธร จำเลยได้ไปแจ้งกับเจ้าพนักงานที่ดินจนหลงเชื่อ และดำเนินการโอนที่ดิน 9 แปลง ต.ท่าพระยา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ให้นางศิริพรจำเลยที่ 1 ซึ่งทำให้โจทก์และกองมรดกของนายศิริชัย สามี ได้รับความเสียหาย
เมื่อนางประนอม ยื่นฟ้องบุตรสาวคนโตและทนายความแล้ว ต่อมาศาลได้ไต่สวนมูลกระทั่งวันที่ 16 ก.ย.58 ศาลมีคำสั่งให้รับฟ้อง แล้วภายหลังมีการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีที่มีการลงลายมือชื่อของนางประนอมแสดงต่อศาล ซึ่งศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องได้ แต่ต่อมา นางประนอม ยื่นคำร้องใหม่ ระบุว่า ในการยื่นถอนฟ้องคดีนั้นไม่ได้เป็นไปโดยสมัครใจ ศาลจึงนัดไต่สวนนางประนอม โจทก์ ในวันนี้เพื่อพิสูจน์เจตนา
ขณะที่วันนี้ เมื่อเวลา 09.15 น. นางประนอม เดินทางมาพร้อมกับนางศิริวัลย์ แดงสุภา บุตรสาวคนรอง , นายพิสิทธ์ ชุติพรพงษ์ชัย ทนายความ และผู้ติดตาม 7-8 คน ส่วนฝ่ายนางศิริพร จำเลยที่ 1 ไม่ได้เดินทางมาศาล คงมีเพียงทนายความรับมอบอำนาจเท่านั้นมาศาลร่วมการไต่สวน ส่วนนนายกำธร ทนายความจำเลยร่วมได้เดินทางมาร่วมกระบวนพิจารณาคดี แต่เลี่ยงพบนักข่าวที่รออยู่หน้าศาลโดยเมื่อมาถึงศาล นางประนอม ทักทายกลุ่มผู้สื่อข่าว พร้อมกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า มั่นใจในการต่อสู้คดี ยืนยันว่า ไม่เคยจะถอนฟ้อง แต่ทุกครั้งจะถูกหลอกให้เซ็นอย่างนี้ประจำ อย่างไรก็ดีตนขอขอบคุณทุกคนด้วย
เมื่อถามว่า ได้มีการเซ็นชื่อในเอกสารจริงใช่หรือไม่ นางประนอมกล่าวยอมรับว่า ได้เซ็นจริง แต่ขณะนั้นไม่ทราบว่าคืออะไร เมื่อถามว่าขณะนี้ได้เดินทางกลับไปพักที่บ้านเดียวกันกับลูกสาวคนโตแล้วใช่หรือไม่ นางประนอมกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้กลับไปอยู่
ขณะที่นายพิสิทธิ์ ทนายความระบุว่า วันนี้ จะให้แม่ประนอมขึ้นเบิกความ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทุกอย่างอยู่ที่ความจริง ขอให้แม่พูดความจริง
ต่อมาเวลา 10.00 น. ศาลจึงได้ออกนั่งบัลลังก์ เพื่อไต่สวนคำร้อง แต่ก่อนจะเริ่มกระบวนพิจารณา ศาลชี้แจงกับสื่อมวลชนว่า ขอพูดคุยรายละเอียดทางคดีกับคู่ความก่อนตกลงกันก่อน ศาลจึงขอให้สื่อมวลชนออกจากห้องพิจารณาก่อน และหากคู่ความตกลงกันไม่ได้ ศาลจะให้สื่อมวลชนร่วมฟังการไต่สวนต่อไป