svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

โดนแล้ว! ขนส่งฟันแท็กซี่โกงต่างชาติ ปรับ 3 พัน เพิกถอนใบขับขี่

จากกรณีที่มีผู้โพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวสวิส ได้เรียกรถแท็กซี่ เลขทะเบียน มฉ 986 กรุงเทพมหานคร จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านสาทร แต่คนขับไม่ยอมกดมิเตอร์ และเรียกค่าโดยสารจำนวน 6,000 บาท ชาวต่างชาติ ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ที่โรงแรม และได้ประสานงาน จนได้ไปพูดคุยกับแท็กซี่คันดังกล่าว โดยขู่ว่าจะแจ้งความ คนขับแท็กซี่จึงยอมคืนเงินให้ 5,400 บาท นั้น


ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 29 มีนาคม ที่กรมขนส่งทางบก ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. นายสุกรี จารุภูมิ ผู้อำนวยการกองตรวจการขนส่งทางบก ได้เรียกนายพิพัฒน์พล ใจคำ อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถแท็กซี่ส่วนบุคคลสีเขียวเหลือง ทะเบียน มฉ 936 กรุงเทพมหานคร มาสอบสวน เพื่อหาข้อเท็จจริงกรณีที่มีการร้องเรียนคนขับรถแท็กซี่ไม่ใช้มาตรวัดค่าโดยสาร เรียกโก่งราคาจากต่างชาติ
นายสุกรี กล่าวว่า ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน 1584 เรื่องที่มีการโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวสวิตเซอร์แลนด์ได้เรียกแท็กซี่จากสุวรรณภูมิเพื่อให้ไปส่งที่โรงแรมดับเบิ้ลยู ย่านสาทร ซึ่งผู้ร้องเรียนได้บอกว่าคนขับรถแท็กซี่เก็บค่าโดยสารเกิดอัตราที่กำหนด กรมการขนส่งทางบกจึงได้ประสานไปที่นายพิพัฒน์พล ใจคำ เข้ามารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ที่กองตรวจการ
จากการสอบข้อเท็จจริงนายพิพัฒน์พลก็รัยว่าไม่ได้ใช้มาตรวัดค่าโดยสารจริง และได้เก็บอัตราค่าโดยสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงได้แจ้งคนขับรถแท็กซี่ว่าการกระทำแบบนี้เป็นการทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศ ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวไม่สบายใจที่มีการกระทำแบบนี้ เป็นการกระทบภาพลักษณ์ที่รุนแรง โดยได้เปรียบเทียบปรับตามมาตรา 66/5 จำนวน 3,000 บาท และได้ดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถโดยสารสาธารณะ นายพิพัฒน์พล จึงไม่สามารถขับรถแท็กซี่ได้
เมื่อตรวจสอบประวัติก่อนหน้านี้ พบว่าผู้ขับแท็กซี่รายนี้เคยถูกร้องเรียน เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยเก็บค่าโดยสารเกินกำหนด ทั้งนี้ตามกฎหมายผู้ขับแท็กซี่สามารถอุทธรณ์ต่อนายทะเบียนได้ภายใน 15 วัน

โดนแล้ว! ขนส่งฟันแท็กซี่โกงต่างชาติ ปรับ 3 พัน เพิกถอนใบขับขี่

นายสุกรี กล่าวต่อว่า ผู้โดยสารหากพบเห็นรถโดยสารสาธารณะที่มีการกระทำความผิดสามารถแจ้งร้องเรียนมาที่ศูนย์ร้องเรียนโทร 1584 ได้ จะมีเจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องร้องเรียนตลอด 24 ชั่วโมง ฝากไปถึงพี่น้องคนขับรถแท็กซี่ด้วยว่าอาชีพขับรถแท็กซี่เป็นอาชีพที่มีเกียรติ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาแล้วด่านแรกที่จะพบก็คือคนขับรถแท็กซี่ หากมีการกระทำความผิดที่ผิดกฎหมายคือการเก็บอัตราค่าโดยสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด การทำร้ายร่างกายหรือข้อหาลามกอนาจารจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศและชื่อเสียงของการท่องเที่ยว ทำให้การท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบและมีผลมาถึงคนขับรถแท็กซี่ด้วยก็อยากจะให้มีการให้บริการที่ดี และทางภาครัฐก็จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและจริงจัง
ด้านนายพิพัฒน์พล ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ได้ยอมรับว่าไม่ได้กดมิเตอร์โดยสารจริง แต่ยืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิด เนื่องจากเป็นการตกลงระหว่างผู้โดยสารและผู้ขับแท็กซี่เองในการอัตราราคาค่าโดยสารแบบเหมาจ่ายในราคา 600 บาท ซึ่งได้เขียนจำนวนเงินใส่กระดาษไว้ และผู้โดยสารได้หยิบธนบัตรให้เป็นจำนวนเงิน 6,000 บาท จึงคิดว่าชาวต่างชาติให้ทิป ต่อมาก็ได้นำเงินไปคืนที่โรงแรม

โดนแล้ว! ขนส่งฟันแท็กซี่โกงต่างชาติ ปรับ 3 พัน เพิกถอนใบขับขี่


นายพิพัฒน์พล กล่าวด้วยว่า ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่มาประมาณ 8 ปี แล้ว และตั้งแต่ปี 56 ก็ได้เข้าไปขับขี่รถแท็กซี่ย่านสุวรรณภูมิ ตอนนี้มีภาระต้องผ่อนบ้านอยู่ หลังจากนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ทั้งนี้นายพิพัฒน์พลได้ยื่นเรื่องขออุทธรณ์ต่อเจ้าหน้าที่กรณีที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถแท็กซี่แล้ว
ด้านนายกฤษฎ์ กาญจนบัตร เจ้าของเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Krit Karnchanabatr ซึ่งเป็นผู้โพสต์เรื่องราวกรณีนักธุรกิจชาวสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า นักธุรกิจชาวสวิตเซอร์แลนด์ เป็นแขกของบริษัทที่ตนทำงานอยู่ ในวันเกิดเหตุได้เดินทางมาถึงก่อนเวลานัดหมายหลายชั่วโมง จึงแนะนำให้เรียกแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งนักธุรกิจรายนี้ได้ขึ้นรถแท็กซี่ สีเขียวเหลือง ทะเบียน มฉ936 จากสนามบินสุวรรณภูมิ มาโรงแรม ดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ โดยคนขับได้เรียกค่าโดยสาร 6,000 บาท โดยไม่ได้กดมิเตอร์

โดนแล้ว! ขนส่งฟันแท็กซี่โกงต่างชาติ ปรับ 3 พัน เพิกถอนใบขับขี่

"ตอนไปถึงแท็กซี่คันดังกล่าวออกจากโรงแรมไปแล้ว ผมก็ถามแขกว่าทราบทะเบียนรถไหม เขาก็บอกว่าจำไม่ได้ ผมจึงขอให้ทางโรงแรม ดูกล้อง CCTV ว่าทะเบียนอะไร ก็เห็นว่าเป็นทะเบียน มฉ 936 จากนั้นผมก็โทรไปที่ตำรวจท่องเที่ยว 1155 แต่ตำรวจท่องเที่ยวบอกให้ไปแจ้งสน.ท้องที่เอง แต่ผมก็ไม่มีเวลามากนัก ก็เลยแจ้งไปที่จส.100 และสนามบินสุวรรณภูมิ แต่เจ้าหน้าที่ก็แนะนำให้แจ้งที่ 1584 ของกรมการขนส่ง ผมก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดไป"นายกฤษฎ์ กล่าวด้านเจ้าหน้าที่ของโรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ ก็ได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ ที่สุวรรณภูมิชื่อนายสมคิด ซึ่งดูแลเกี่ยวกับรถลีมูนซีนของทางโรงแรม และเข้าไปที่เคาท์เตอร์แท็กซี่ และโชคดีเจอรถแท็กซี่คันนี้ เจ้าหน้าที่โรงแรมจึงโทรมาสอบถามกับภรรยาผมว่าแขกจ่ายเงินไปเท่าไหร่ ภรรยาตอบว่า 6,000 บาท โชเฟอร์จึงคืนเงินให้ 5,400 บาท ให้กับนาย สมคิด"และช่วงตอนเย็นวันที่เกิดเหตุผมไปส่งแขกที่โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ จึงได้รับเงินคืน แขกของผมดีใจมาก เพราะยังมีคนไทยอีกคนที่มีน้ำใจ ซึ่งต้องขอบคุณทางโรงแรมที่ช่วยติดตามให้และหวังว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก นายกฤษฎ์ กล่าว

โดนแล้ว! ขนส่งฟันแท็กซี่โกงต่างชาติ ปรับ 3 พัน เพิกถอนใบขับขี่