svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

กกร.เสนอรัฐขึ้นค่าน้ำประปาเดือน"เมษายน" ลดใช้น้ำฟุ่มเฟือยช่วงสงกรานต์

กกร.เล็งเสนอรัฐบาล ออกมาตรการเก็บค่าน้ำอัตราพิเศษในส่วนที่ใช้เกินกว่าปกติในเดือนเม.ย.นี้ ป้องกันประชาชนใช้น้ำอย่างฟุ่มเฟือยในช่วงสงกรานต์ พร้อมนำร่อง 100 กิจการลดการใช้น้ำไม่ต่ำกว่า 30% ภายในมิ.ย.2559

นายธวัธชัย ยงกิตติกุล ที่ปรึกษาสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยหลังการหารือคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ว่า ในปีนี้ประเทศไทยประสบปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรง ดังนั้นในฐานะที่ กกร. เป็นตัวแทนภาคเอกชนของไทย จึงได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของชาติ โดยแนวทางสำคัญที่จะเสนอต่อภาครัฐในการลดการใช้น้ำในช่วงสงกรานต์นี้ จะเป็นแนวทางรณรงค์ให้ทั้งภาคเอกชน และประชาชน หันมาประหยัดการใช้น้ำช่วงสงกรานต์
โดยรัฐบาลควรออกมาตรการปรับขึ้นค่าน้ำในอัตราพิเศษในส่วนของน้ำที่ใช้มากกว่าปกติในเดือนเม.ย.นี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนนำน้ำประปามาเล่นสงกรานต์จนมากเกินไป เพื่อให้คนในเมืองมีส่วนร่วมในการลดใช้น้ำ
"ในปัจจุบันรัฐบาลได้เรียกร้องให้ชาวนาเสียสละ ลดการเพาะปลูกในช่วงหน้าแล้ง เพื่อลดการใช้น้ำ ดังนั้นคนในเมือง และประชาชนทั่วไปควรจะมีส่วนร่วมในการลดใช้น้ำลงด้วย โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ที่บางแห่ง มีการนำน้ำมาเล่นสงกรานต์อย่างฟุ่มเฟือย ดังนั้นจึงควรให้การประปานครหลวง(กปน.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ออกมาตรการเก็บค่าน้ำเพิ่มขึ้นในส่วนมี่ใช้มากกว่าปกติในเดือนเม.ย.2559 ก็จะช่วยให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการลดใช้น้ำมากขึ้น" นายธวัธชัย กล่าว
ด้านนายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า กกร. จะจัดงานสัมมนา "กกร.รวมใจ ใช้น้ำประหยัด ร่วมขจัดภัยแล้ง " ในวันที่ 29 มี.ค. โดยมีเป้าหมายหลักที่จะให้ทุกส่วนทั้งภาคธุรกิจ โรงงานอุตสาหกรรมและบ้านเรือน ลดปริมาณการใช้น้ำประปาลง 30% ภายในเดือนมิ.ย.2559 ซึ่งเบื้องต้น จะมีหน่วยงานซึ่งเป็นสมาชิกกกร. ประมาณ 100 รายจะเป็นโมเดลในการลดใช้น้ำ นอกจากนี้ ยังช่วยบรรเทาผลกระทบปัญหาวิกฤตภัยแล้งให้กับชุมชน และภาคเกษตรในพื้นที่ใกล้เคียง และสร้างเครือข่ายหน่วยงาน และตระหนักรู้
นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานสถาบันน้ำเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กกร.ได้ขอความร่วมมือโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำในกระบวนการผลิต ปรับเปลี่ยนมาใช้น้ำบาดาลมากขึ้น เพราะแม้จะมีต้นทุนแพงกว่า แต่จะสามารถช่วยลดการขาดแคลนน้ำผิวดินได้ในช่วงภัยแล้ง ขณะเดียวกันในระยะยาวก็สนับสนุนรัฐในการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน
"ปัจจุบันไทยมีพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งสูงถึง17 จังหวัด และมีพื้นที่ขาดแคลนน้ำ 43 จังหวัด โดยหลายพื้นที่ต้องเริ่มใช้น้ำก้นเขื่อนแล้ว ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการตกค้างของสารส้ม ดังนั้นทุกฝ่ายต้องตระหนักถึงการใช้น้ำอย่างประหยัด" นายบวร กล่าว