โดยจีนได้ปล่อยน้ำจากเขื่อนจินหง ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา ไปจนถึงวันที่ 10 เมษายน เพื่อช่วยเหลือกัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์, ไทยและเวียดนาม และนับเป็นการตัดสินใจหลังจากเวียดนามได้ขอร้องจีนให้ปล่อยน้ำจากเขื่อนจินหง ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้าพลังน้ำในมณฑลหยุนหนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เพื่อบรรเทาความแห้งแล้งในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
ภัยแล้งที่ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง ได้สร้างความเสียหายให้พื้นที่ปลูกข้าวของเวียดนามในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงเป็นจำนวนมากกว่า 1 ล้านไร่ และพื้นที่สวนผลไม้อีกกว่า 7 แสน 5 หมื่นไร่ ส่วนกัมพูชา, ลาว, ไทย และเมียนมาร์ ก็ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำอันเนื่องมาจากปรากฎการณ์เอล นีโญ ที่ทำให้พื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำโขงเผชิญความแห้งแล้งและการรุกล้ำของน้ำเค็มครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 100 ปี
แม่น้ำโขง ซึ่งมีต้นทางอยู่ที่ทิเบตและไหลผ่านมณฑลหยุนหนานไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ชื่อว่าเป็นเส้นชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ตลอดความยาวของแม่น้ำ 4,880 กิโลเมตร โดยเฉพาะลาว, เมียนมาร์, ไทย, กัมพูชา และลาว
แต่การที่จีนสร้างเขื่อนขนาดใหญ่เพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ อย่าง ม่านวาน เมื่อปี 2537 และเขื่อนต้าเฉาซาน เมื่อปี 2546 และตามด้วยอีก 4 เขื่อน นับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมาได้ส่งผลกระทบต่อประเทศที่อยู่ปลายน้ำ และแม้จะถูกติติงจากเพื่อนบ้านที่ได้รับผลกระทบ แต่จีนก็ยืนยันจะสร้างเพิ่มอีก 7 เขื่อน