
น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) สบส. กล่าวว่า ใบหน้าหลังผ่าตัดของนายสุรชัย สมบัติเจริญ มีความเต่งตึงไร้ริ้วรอย ไม่เกินความคาดหมาย เช่นเดียวกับผลการทำศัลยกรรมปกติรายอื่นๆ และถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลของผู้ที่รับบริการศัลยกรรมที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจในตนเอง แต่ในส่วนของการโฆษณากระชากวัยจาก 60 ปี เหลือ 30 ปี โดย ดร.เซปิง ไชยศาส์น ในโครงการเฟซออฟ(Face Off)นั้น ยังเข้าข่ายการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงให้แก่สถานพยาบาลที่ทำศัลยกรรมให้แก่นายสุรชัย แม้ว่าสถานพยาบาลแห่งนั้นจะไม่ได้โฆษณาด้วยตนเอง แต่เมื่อมีการโฆษณาโดยบุคคลอื่น และมิได้มีการทักท้วง หรือปฏิเสธ จึงเข้าข่ายรู้เห็น ยินยอมด้วย มีความผิดตามพรบ.สถานพยาบาลพ.ศ. 2541
และผิดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 11 พ.ศ. 2546 เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการโฆษณาสถานพยาบาลที่ว่าห้ามใช้ข้อความหรือรูปภาพโอ้อวดเกินจริง ทำให้ผู้รับบริการ หรือผู้บริโภคเข้าใจว่าการบริการของสถานพยาบาลแห่งนั้นมีคุณภาพมาตรฐานที่ดีกว่า เหนือกว่า หรือสูงกว่าสถานพยาบาลอื่น หรือเกิดความคาดหวังว่าจะได้รับบริการที่ดีกว่าหรือได้ผลสูงสุดโดยจะนำข้อมูลเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการการโฆษณาสถานพยาบาลในวันที่ 4 มีนาคม 2559 พร้อมกับกรณีของพญ.อาภรณ์ ไชยเครื่อง หรือหมอไก่ที่ให้ข้อมูลโอ้อวดสถานพยาบาลว่าทำแล้วสวยทุกคนและถ้ามาที่คลินิกเคสที่ออกไปจะสวยทุกเคส
"กรม สบส. จะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย หากผลการตัดสินว่ามีการกระทำผิด ฝ่าฝืนกฎหมายการโฆษณาสถานพยาบาล 2 ฉบับ ก็จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการเปรียบเทียบคดีดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษปรับ 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะยุติการเผยแพร่โฆษณานั้น อย่างไรก็ตาม จากการให้สัมภาษณ์ของ ดร.เซปิง ในวันนี้ ที่จะเข้าร้องเรียนกรณีสถานพยาบาลที่ให้บริการเสริมความงามแห่งหนึ่งที่ให้พยาบาลทำการศัลยกรรมแทนแพทย์นั้น กรม สบส. พร้อมจะรับเรื่องร้องเรียน และจะเร่งดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน หากมีความผิดก็จะดำเนินการลงโทษตามกฎหมาย" นพ.บุญเรือง กล่าว
แพทย์ที่มีชื่อปรากฏผ่านสื่อและถูกอ้างว่าเป็นผู้ทำการผ่าตัดให้นายสุรชัย สมบัติเจริญ คือ นพ.กมล พันธุ์ศรีทุม และแพทย์ที่ระบุชื่อเป็นแพทย์ผู้ดำเนินการของสถานพยาบาลที่ผ่าตัดใบหน้าให้กับนายสุรชัยตามที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสบส. คือ นพ.มนัส เสถียรโชค