
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) พร้อมด้วยทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ สบส. และพล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภาและคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(บอร์ดสคบ)ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังเข้าตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล ซึ่งเป็นสถานที่ที่ดร.เซปปิง ไชยสาส์น พานายสุรชัย สมบัติเจริญเข้าผาตัดศัลยกรรมใบหน้า โดยใช้ชื่อโครงการเฟซ ออฟ
น.ต.นพ.บุญเรือง กล่าวว่า จากการเข้าตรวจเยี่ยมและได้มีการสอบถามข้อมูลจากนพ.กมล พันธุ์ศรีทุม ศัลยแพทย์ตกแต่งใบหน้าที่รพ.ศัลยกรรมตกแต่งกมล พบว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาลถุกต้องตามกฎหมายโดยเป็นโรงพยาบาลที่ให้บริการเฉพาะทางในเรื่องการศัลยกรรมตกแต่ง เสริมความงาม ปรับสภาพร่างกายใให้ดูดีขึ้นทั้งใบหน้า ผิวหนังและการแปลงเพศ ซึ่งพบว่าดำเนินการได้ตามที่มาตรฐานกำหนด
ส่วนประเด็นที่มีการเชื่อมโยงหรือรู้เห็นให้ดร.เซปิงมีการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงหรือไม่นั้น จากการที่ได้พูดคุยโดยตรงกับนพ.กมล ค่อนข้างตกใจที่มีการดำเนินการโฆษณาแบบนั้น และเบื้องต้นแจ้งว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในการเผยแพร่ข้อมูลเกินจริงภายสื่อต่างและไม่ใช่ความปรารถนาหรือการรับทราบของแพทย์ และไม่ได้พูดถึงดร.คนดังกล่าวเลย เหมือนไม่รู้ ส่วนจะมีการจัดการอย่างใดกับดร.เซปิงหรือไม่นั้น ไม่ได้รับการบอก สำหรับบุคลากรคนอื่นของสถานพยาบาลจะรู้เรื่องด้วยหรือไม่ ฝ่ายกฎหมายของสบส.กำลังตรวจสอบรวบรวมหลักฐานน.ต.นพ.บุญเรืองกล่าว
น.ต.นพ.บุญเรือง กล่าวอีกว่า สบส.จะนำเรื่องนี้เข้าสู่คณะอนุกรรมการโฆษณาของกรมสบส.ที่มีนพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีสบส.เป็นประธานเพื่อพิจารณาว่าการดำเนินการของบุคคลดังกล่าวเข้าข่ายการโฆษณาเกินจริง อวดอ้างสรรพคุณ โดยที่แพทย์หรือสถานพยาบาลมีความผิดฐานรู้เห็นให้มีการโฆษณาเกินจริงด้วยหรือไม่ เพราะมีการกล่าวถึงโดยบุคคลดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ฝ่ายกฎหมายได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมด คาดว่าจะมีการพิจารณาในเร็วๆนี้
ก่อนหน้านั้น น.ต.นพ.บุญเรือง แถลงข่าวที่กรมสบส.ว่า หากพบว่าแพทย์หรือสถานพยาบาลมีการเชื่อมโยงหรือมีส่วนได้ส่วนเสีย รู้เห็นเป็นใจกับการโฆษณาของดร.เซปิง ก็จะเข้าข่ายมีความผิดตามมาตรา 38 พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541และประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 11 พ.ศ.2546 เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการโฆษณาสถานพยาบาล มีโทษปรับ 20,000 บาท แต่โทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000บาทจนกว่าจะเลิกโฆษณานั้นๆ รวมทั้งหากเกี่ยวเนื่องกับแพทย์ ก็จะส่งให้แพทยสภาพิจารณาด้านจริยธรรมในวิชาชีพ ขณะที่สถานพยาบาลก็จะถูกตรวจสอบการพักใช้ใบอนุญาตไปจนรุนแรงอาจถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตเปิดสถานพยาบาล
การออกมาระบุหรือพูดทำนองโฆษณาต้องพิจารณาว่า เป็นแพทย์ และมีการกล่าวอ้างถึงสถานพยาบาลหรือไม่ หากมี ทางกรมฯ ก็สามารถดำเนินการได้ทันที ปัญหาคือ ยังไม่พบ โดยบุคคลที่พูดคือ ดร.เซปิง พบว่าไม่ใช่แพทย์ แต่ไม่ใช่ว่าจะพ้นผิด การที่โครงการระบุชื่อว่า Face Off ผ่าแหลก ศัลยกรรม 10 อย่างบนหน้ากระชากความแก่จาก 60ให้เหลือ 35 Dr.Xeping ผิดชัดเจนตามกฎหมายของ สคบ. ซึ่งมีกฎหมายในมือสามารถดำเนินคดีด้านการโฆษณาเกินจริงได้ ขณะที่การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียก็จะสามารถเอาผิดได้ตามระเบียบของ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 น.ต.นพ.บุญเรืองกล่าว
ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ สบส. กล่าวว่า แม้เบื้องต้นได้รับการชี้แจงจากแพทย์รพ.นี้ว่าไม่ทราบเรื่องและไม่ได้รู้เห็นกับการที่บุคคลภายนอกสถานพยาบาลและไม่ใช่แพทย์ทำการโฆษณาเกินจริง แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบพยานหลักฐานต่อไป และหากพบว่าเมื่อรู้แล้วแต่ยังปล่อยให้มีการโฆษณาต่อไป ไม่ได้มีการพยายามหยุดยั้งการโฆษณาดังกล่าว ก็ถือว่าเข้าข่ายการยินยอมให้โฆษณาแม้จะมีการอ้างว่าไม่รู้เรื่องก็ตาม ขณะนี้ทั่วประเทศมีสถานความงามขึ้นทะเบียนกว่า 1,458 แห่ง โดยทั้งหมดนี้จะต้องปฏิบัติตามพ.ร.บ.สถานพยาบาลฯ ห้ามอวดอ้างและชักชวนให้ผู้บริโภคไปใช้สถานพยาบาล เช่นอ้างสรรพคุณการรักษาดีที่สุด เป็นเลิศ ซึ่งทำไม่ได้
พล.อ.ต.นพ.อิทธพร กล่าวว่า สคบ.ได้มีการหารือและรับเรื่องนี้ให้เข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการโฆษณาของสคบ. เพื่อดูว่ามีการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงหรือไม่ นอกจากนี้ สคบ.จะมีการตั้งคณณะกรรมการใหม่ขึ้นมา 1 ชุด คือ คณะกรรมการคุ้มครองประชาชนด้านสุขภาพและความงาม ที่ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สบส. แพทยสภา ทันตแพทยสภา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) บก.ปคบ. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เป็นต้น ทำหน้าที่ดูช่องว่างของกฎหมายและออกข้อบังคับให้ครอบคลุม โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นเอเจนซี่ เพราะที่ผ่านมามีเพียงการห้ามแพทย์และสถานพยาบาลโฆษณาเกินจริงเท่านั้น ไม่มีห้ามเเอเจนซี่ รวมถึง ตรวจสอบประเด็นเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความงามที่เข้ามายังสคบ.ทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีลงนามแต่งตั้ง
อนึ่ง โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางเสริมความงาม 30 เตียง ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายของพ.ร.บ.สถานพยาบาลฯ มีนางศิริเพ็ญ พันธุ์ศรีทุม เป็นผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาล มีนพ.มนัส เสถียรโชค เป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาล