
รถโบราณภายในพิพิธภัณฑ์วัดปากน้ำภาษีเจริญซึ่งถูกระบุว่าอยู่ในความครอบครองของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชกลายเป็นที่จับตามอง หลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไออยู่ระหว่างการตรวจสอบรถโบราณเหล่านี้ และมีการร้องเรียนว่าเลี่ยงภาษีหรือไม่ โดยปัจจุบันรถโบราณทั้ง 3 คันไม่ได้นำมาใช้งาน เพียงนำมาจัดแสดงเพื่อการศึกษา จัดแสดงร่วมกับของเก่าเรือโบราณที่ญาติโยมนำมาถวาย และรถโบราณทั้ง 3 คัน เป็นรถที่ลูกศิษย์นำมาถวาย ทั้งจากวัดพระธาตุดอยสุเทพ และเป็นรถของรองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯที่มรณภาพไปแล้ว
วัดปากน้ำภาษีเจริญได้นำรถโบราณ 3 คัน มาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ของวัด ภายในชั้นที่ 1 ห้องมหาชนคุณารมณ์ในพระมหาเจดีย์รัชมงคลโดยปัจจุบันรถโบราณเหล่านี้ไม่ได้นำมาใช้งานได้นำมาจัดแสดงเพื่อการศึกษา ซึ่งพบข้อมูลในพิพิธภัณฑ์ทั้งภาพถ่ายการประกอบรถยนต์ ข้อมูลใบจดประกอบการเสียภาษีจากกรมสรรพสามิตและคู่มือจดทะเบียนจากกรมการขนส่งทางบก
รถ 3 คันนี้เป็นรถที่ลูกศิษย์นำมาถวายสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ทั้งจากวัดพระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่และเป็นรถของรองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำที่มรณภาพไปแล้ว นอกจากรถโบราณแล้ว ยังมีพาหนะโบราณอื่นๆทั้งเรือโบราณ รถม้า เกวียน รวมถึงข้าวของเครื่องใช้โบราณ เครื่องประดับและพระพุทธรูปที่ญาติโยม นำมาถวายเพื่อจัดแสดงให้ประชาชนได้มาศึกษาเข้าใจในอดีต
ชั้นที่ 2 เป็นห้องธรรมคุณารมณ์ สำหรับจัดงานพิธีประชุมและนั่งสมาธิ ชั้นที่ 3 ห้องสังฆคุณารมณ์ พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ชั้นที่ 4 ห้องธัมมคุณารมณ์ หลวงพ่อสดทองคำ รูปหล่อบูรพาจารย์ ชั้นที่ 5 ห้องพุทธคุณารมณ์ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระรัตนเจดีย์ศรีมหามงคล และภาพเขียนอดีตพระพุทธเจ้า
พระมหาเจดีย์มหารัชมงคลจัดสร้างขึ้นในดำริของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญและผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โดยเป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมแบบย่อมุมไม้สิบสอง มีฐานเก้าชั้น ผสมผสานรูปแบบศิลปะรัตนโกสินทร์และศิลปะล้านนา
ตอนบนของเจดีย์เป็นทรงปราสาท ได้รูปแบบมาจากพระเจดีย์วัดโลกโมฬีจังหวัดเชียงใหม่สูงจากฐานถึงยอด 80 เมตร กว้าง 52 เมตรสี่ด้าน ปลียอดหุ้มทองคำหนัก 100 กิโลกรัม โดยมีการสมโภชพระมหาเจดีย์เมื่อเดือนธันวาคม 2555 เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.ไม่มีวันหยุด
ก่อนหน้านี้ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ เปิดเผยว่า คดีรถหรูเลี่ยงภาษีที่ดีเอสไอตรวจสอบได้แบ่งการดำเนินการออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีราคาเกิน 4 ล้านขึ้นไป จำนวน 500 คัน และกลุ่มที่มีราคาต่ำว่า 4 ล้านบาท มีจำนวนกว่า 5,000 คัน โดยที่ผ่านมาดีเอสไอได้ดำเนินการตรวจสอบในกลุ่มแรกไปก่อนแล้ว ส่วนกลุ่มที่ราคาต่ำกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งจำนวนนี้มีรถเบ๊นซ์ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์หรือสมเด็จช่วงรวมอยู่ด้วย และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ ดังนั้นเมื่อมีการร้องเรียนดีเอสไอได้ประสานไปยังกรมศุลกากรเพื่อขอข้อมูลในการนำเข้าชิ้นส่วนของรถจดประกอบ โดยรถของสมเด็จฯวัดปากน้ำ ได้จดทะเบียนเป็นผู้ครอบครองเป็นคนแรก แต่ปัจจุบันได้มีการแจ้งยกเลิกใช้งานรถคันดังกล่าวแล้ว และถูกนำเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เป็นของสะสม