
สำหรับในช่วงนี้ในพื้นที่ของจังหวัดลพบุรี เป็นช่วงที่ชาวนาเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวที่ปลูกไว้ในแปลงนา ซึ่งจะทิ้งฟางข้าวเอาไว้จำนวนมาก ทำให้เกิดมีอาชีพอัดฟางจำหน่ายขึ้นมาอีกอาชีพหนึ่ง เพื่อนำฟางทำการอัดก้อนแล้วเก็บไว้เป็นเสบียง เลี้ยงโคนม เพาะเห็ดฟาง คลุมสวนผลไม้ และเกษตรอินทรีย์ เพาะช่วงนี้จะถือว่า เป็นช่วงที่มีความต้องการฟางอัดมาก เพราะเข้าสู่ฤดูแล้งฟางจะหายาก และมีความต้องการของตลาดสูงมาก
โดยนายสมสิน บุญสันเทียะ ผู้หันมาทำอาชีพอัดฟางจำหน่าย เปิดเผยว่า ในการอัดฟางเก็บตักตุนเอาไว้เป็นเสบียงอาหาร โดยติดต่อซื้อฟางจากชาวนา ซึ่งชาวนาคิดค่าฟางไร่ละ 50-100 บาท ทั้งนี้ ราคาค่าฟางขึ้นอยู่กับสภาพฟางในแปลงว่าหนาหรือบาง ก่อนอัดฟาง ควรปล่อยให้ฟางข้าวตากแดดในนา 2-3 วัน เพื่อให้ฟางแห้ง และไม่เป็นเชื้อรา ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับอัดฟ่อนคือ เวลาประมาณ 10.00-16.00น.
ถ้าเกิดฝนตก จะไม่สามารถอัดฟางได้ เพราะ ฟางจะชื้นและเป็นเชื้อรา ก่อนนำเครื่องอัดฟางลงนาต้องสำรวจว่า พื้นนาแข็งพอที่รถอัดฟางจะไม่จมโคลน เพราะบางส่วนของนาพื้นดินแข็งไม่เท่ากัน ดินอาจจะอ่อนจนรถติดโคลน สำหรับเครื่องอัดฟาง ให้ความยาวของฟ่อนฟาง 90 เซนติเมตร จะได้ฟ่อนขนาด 45x45x90 เซนติเมตรน้ำหนักฟ่อนละ 14 กิโลกรัม แต่เอกชนที่อัดฟ่อนฟางทั่วๆไปนิยมตั้งความยาวฟ่อนไว้ที่ 1 เมตร เพื่อความสวยงาม นายสมสินกล่าวและว่า โดยวิธีการอัดฟางให้ขับรถแทรกเตอร์ติดท้ายเครื่องอัดฟาง วิ่งอัดฟางไปตามรอยของเครื่องเกี่ยวข้าว ซึ่งมีฟางข้าววางเรียงเป็นแถวอยู่แล้ว ซึ่งเครื่องจะเก็บฟางที่เรียงรายอยู่เข้าเครื่อง และเครื่องจะทำการอัดฟางและมัดออกมาเป็นก้อนก่อนจะค่อยๆดันออกมาจากเครื่อง และทิ้งลงในแปลงนาเรียงเป็นแถว ก่อนที่จะมีรถมาเก็บและบรรทุกเข้าโกดัง โดยต้นทุนของการอัดฟางจะตกอยู่ที่ก้อนละ10-13 บาท หากขายในช่วงนี้เลย จะมีราคาอยู่ที่ก้อนละ 25-28 บาท แต่รอจนถึงเดือนเมษายนไปแล้ว ฟางอัดก้อนจะมีราคาสูงถึง 35-50 บาท เพราะจะเป็นช่วงที่ฟางอัดก้อนหายากมาก จึงทำให้ธุรกิจอัดฟางก้อนจำหน่ายเป็นอีกอาชีพที่สร้างรายได้งามในช่วงนี้