
เพิ่งเริ่มปีใหม่มาได้เพียง 7 วัน ก็เกิดเหตุคนร้ายสวมหน้ากาก 2 คน พร้อมด้วยอาวุธปืนและเครื่องยิงจรวดก็ได้บุกเข้าไปในอาคารสำนักงาหนังสือพิมพ์ ชาร์ลี เอบโด ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงปารีสเมื่อวันที่ 7 ม.ค. และได้สังหารนักเขียนการ์ตูนล้อเลียนการเมืองแถวหน้าของประเทศไปถึง 4 คน จากผู้เสียชีวิตทั้งหมด 12 คน รวมไปถึงบรรณาธิการ สเตฟาน ชาบงนีเยร์
และอีก 2 วันถัดมาก็เกิดเหตุบุกจับตัวประกันที่ซุปเปอร์มาร์เกตของชาวยิว ทางตะวันออกของกรุงปารีส ทำให้ตำรวจได้ยิงคนร้ายเสียชีวิต และช่วยเหลือตัวประกันออกมาได้บางส่วน โดยมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 4 ราย และมีคนร้ายเสียชีวิตด้วย 1 คน และในวันเดียวกันคนร้ายอีกกลุ่มหนึ่งได้จับตัวประกันในโกดังเก็บของทางตอนเหนือของกรุงปารีส ซึ่งเจ้าหน้าที่สังหาร 2 คนร้าย เสียชีวิตทั้งคู่
ชาร์ลี เอบโด เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากการพิมพ์ภาพการ์ตูนล้อศาสดามูฮัมหมัดของศาสนาอิสลาม ซึ่งกลายเป็นชนวนของเหตุประท้วงอยู่หลายครั้ง เพราะ ชาวมุสลิมถือว่า การวาดรูปศาสนามูฮัมหมัด เป็นการดูหมิ่นศาสนาอย่างร้ายแรง แต่ชาร์ลี เอบโด ท้าทายศรัทธานี้ด้วยการตีพิมพ์ภาพล้อเลียนศาสดาศาสนาอิสลาม ไม่เว้นกระทั่งภาพเปลือย หรือภาพศาสดานั่งวีลแชร์ที่เข็นโดยชาวยิวออร์โธดอกซ์ ในปี 2554
แต่ถ้าจะบอกว่าชาร์ลี เอบโด เจาะจงเสียดสี ใครหรืออะไรเป็นพิเศษก็คงไม่ได้ เพราะชาร์ลี เอบโด ล้อเลียนทุกคน และทุกเรื่อง นักการเมืองชื่อดัง คนดัง วัฒนธรรมป๊อป ศาสนาและกลุ่มสุดโต่งทางศาสนา
แต่ในทางกลับกันการยืนหยัดและไม่หวั่นไหวต่อคำขู่ของชาร์ลี เอบโด ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพสื่อ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ทำให้หลังเกิดเหตุ บรรดาสื่อตะวันตกและผู้นำตะวันตก พากันประณามไปในทางเดียวกันว่า นี่คือสงครามเสรีภาพสื่อหรือเสรีภาพในการแสดงความเห็น มีการเดินขบวนแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาวฝรั่งเศสกว่า 7 แสนคน พร้อมผู้นำจากกว่า 40 ประเทศ
เช่น ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เกิล แห่งเยอรมนี นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน แห่งสหราชอาณาจักร หลายคนถือปากกาเพื่อแสดงความเคารพต่อเหล่านักเขียนการ์ตูนที่เสียชีวิต พร้อมชูป้ายต่อต้านการแบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนา เรียกร้องความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และชูป้ายที่มีข้อความว่า "Not Afraid" หรือ "ฉันไม่กลัว" รวมไปถึงวลีเด็ด "เฌอ ซุยส์ ชาร์ลี" หรือ ฉันคือชาร์ลี ที่กลายเป็น hashtag ยอดฮิต ในโลกออนไลน์
แม้ชาร์ลี เอบโด จะตกเป็นเหยื่อของการถูกโจมตีในหลายรูปแบบ แต่ก็ไม่อาจทำลายเจตนารมณ์ในการคงไว้ซึ่งแนวคิดดั้งเดิมของหนังสือพิมพ์แนวเสียดสีฉบับนี้ และพยายามจะบอกว่าไม่มีอะไรสามารถทำลายเสรีภาพของสื่อได้