svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ย้อนอดีตพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ “ประมุขสงฆ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์”

พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ "สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก" ในวันที่ 16 ธันวาคม ถือเป็นวันสำคัญที่ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกไว้ตราบชั่วกาลนาน โดยเฉพาะในส่วนของชาวไทย และพุทธศาสนิกชนทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอยที่จะเข้าร่วมพระราชพิธีพื่อไว้อาลัยแด่ประมุขสงฆ์องค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทั้งนี้กว่า 233 ปีในรัชสมัยแห่งกรุงรัตน์โกสินทร์ไทยมี สมเด็จพระสังฆราช มาแล้วทั้งสิ้นจำนวน 19 พระองค์ ซึ่ง คม ชัด ลึก ขอนำเสนอเรื่องราวและความเป็นมาของพิธีพระราชทานเพลิงพระศพของ สมเด็จพระสังฆราช คนสำคัญเมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมา

ทั้งนี้กว่า 233 ปีในรัชสมัยแห่งกรุงรัตน์โกสินทร์ไทยมี สมเด็จพระสังฆราช มาแล้วทั้งสิ้นจำนวน 19 พระองค์ ซึ่ง คม ชัด ลึก ขอนำเสนอเรื่องราวและความเป็นมาของพิธีพระราชทานเพลิงพระศพของ สมเด็จพระสังฆราช คนสำคัญเมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมาพระสังฆราชในประเทศไทยเรียกว่า สมเด็จพระสังฆราช คือประมุขแห่งคณะสงฆ์ ซึ่งพระมหากษัตริย์ไทยทรงสถาปนาให้ดำรงตำแหน่ง สกลมหาสังฆปริณายกเป็นตำแหน่งสมณะศักดิ์สูงสุดฝ่ายพุทธจักรของคณะสงฆ์ไทย ทรงเป็นประธานการปกครองคณะสงฆ์ตำแหน่งนี้น่าจะมีที่มาจากคณะสงฆ์ไทย นำแบบอย่างมาจาก ลัทธิลังกาวงศ์ ซึ่งพ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงอัญเชิญพระเถระผู้ใหญ่ของลังกาที่เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎก เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทในประเทศไทยสมเด็จพระสังฆราช พระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงพระนาม สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) เสด็จสถิต ณ วัดระฆังโฆสิตาราม ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ฯ พระองค์ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 2 แห่งกรุงธนบุรี และเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ฯ ขึ้นครองราชย์ ณ กรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2325 ได้โปรดเกล้า ฯ ให้คงที่สมณฐานันดรศักดิ์ดังเดิม สิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. 2337 ดำรงตำแหน่ง อยู่ 12 พรรษา น่าจะมีพระชนมายุไม่น้อยกว่า 80 พรรษาส่วน สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) (3 ตุลาคม พ.ศ. 2456 - 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556) เป็น สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อ พ.ศ. 2532 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ถือเป็นสมเด็จพระสังฆราชที่มีพระชันษามากกว่าสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ในอดีตและเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรกของไทยที่มีพระชันษา 100 ปี สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เนื่องจากติดเชื้อในกระแสพระโลหิตเมื่อ "สมเด็จพระสังฆราชเจ้า" หรือ สมเด็จพระสังฆราช สิ้นพระชนม์ จะได้รับเครื่องประกอบเกียรติยศ ประกอบด้วย น้ำหลวง ไตรแพรทรงพระศพ พระโกศทองน้อย สมเด็จพระสังฆราชเจ้าจะได้รับพระราชทานฉัตรตาดเหลือง 5 ชั้น สมเด็จพระสังฆราชจะได้รับพระราชทานฉัตรตาดเหลือง 3 ชั้น แขวนเหนือพระโกศ เครื่องสูงทองแผ่ลวด สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะ ประโคมเวลารับพระราชทานน้ำสรงพระศพ และประโคมย่ำยามถึงเที่ยงคืน พระสงฆ์สดับปกรณ์พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมกลางวันและกลางคืนขณะเดียวกันในด้านของพระราชพิธีอาจมีความแตกต่างกันบ้าง โดย สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ( เชื้อพระวงศ์ ) จะมีพระราชพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 15 วัน ทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นเวลา 15 วัน ขณะที่ สมเด็จพระสังฆราช (สามัญชญ) จะมีพระราชพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 7 วันทั้งกลางวันและกลางคืนเท่านั้น จากนั้นจะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเมื่อครบ 7 วัน 50 วัน และ 100 วันตามพระราชประเพณีเหมือนกันในอดีตพิธีพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระสังฆราชจะจัดสร้าง พระเมรุ ที่ท้องสนามหลวง แต่ส่วนใหญ่จะเป็น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ที่ผ่านมามีด้วยกัน 3 พระองค์1.สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส พระสังฆราชองค์ที่ 7 กล่าวว่า ปีขาล เบญจศก จ.ศ. 1216 (พ.ศ. 2397) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดฯ ให้ทำเมรุผ้าขาวที่ท้องสนามหลวงแล้วเชิญพระโกศพระศพสมเด็จฯ กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ตั้งกระบวนแห่แต่วัดพระเชตุพนไปเข้าพระเมรุท้องสนามหลวง มีการมหรสพ 3 วัน 3 คืน ครั้นเดือน 5 ขึ้น 11 ค่ำ ตรงกับวันเสาร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2397 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชทานเพลิงพระศพ2.สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ พระสังฆราชองค์ที่ 8 กล่าวว่า ได้พระราชทานพระโกศกุดั่งใหญ่ทรงพระศพ พระศพสมเด็จกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ประดิษฐานอยู่ ณ พระตำหนักเดิม (คือที่เสด็จประทับ) วัดบวรนิเวศวิหารเป็นเวลาถึง 8 ปี จึงได้พระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 16 มกราคม 24433.สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส(พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ) พระสังฆราชองค์ที่ 10 ทรงครองวัดบวรนิเวศวิหาร 30 ปี ทรงดำรงตำแหน่งที่สมเด็จพระสังฆราช 10 ปีกับ 7 เดือนเศษ ถึงเดือนเมษายน 2465 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ถวายพระเพลิงพระศพ ณ พระเมรุท้องสนามหลวงแต่ในกรณี สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (มี) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 3 แม้ไม่ได้เป็น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า แต่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทำ เมรุผ้าขาว ที่ท้องสนามหลวงแล้วชักพระศพสมเข้าสู่เมรุ มีวารสมโภช 3 วัน 3 คืน พระราชทานเพลิงเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 1 ตรงกับวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ.2362จากข้อมูลพบว่า พระเมรุผ้าขาว คือ เมรุที่ดาดผ้าขาวขึงตึงให้เป็นรูปทรงเสมือนอาคารที่ก่ออิฐจริงๆ เมรุชนิดนี้มีหลังคาเป็นเครื่องยอด สำหรับถวายพระเพลิงเจ้านายที่เป็นเชื้อพระวงศ์การจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระสังฆราชทั้ง 4 พระองค์ที่ท้องสนามหลวงกลายเป็นประวัติศาสตร์ เพราะนับตั้งแต่นั้นมาไม่มีสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใดจัดพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพที่ท้องสนามหลวง โดยมาใช้เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ประกอบพระราชพิธีแทนในรัชกาลปัจจุบันการออกพระเมรุ สมเด็จพระสังฆราชงสกลมหาสังฆปริณายก จะต้องใช้เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ซึ่งเป็นฌาปนสถานสำหรับพระราชวงศ์เมื่อถึงวันราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพจะมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ราชรถเชิญพระโกศจากที่ประดิษฐานไปพระเมรุหลวง กระบวนแห่พระอิสริยยศเชิญพระศพ พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมประจำช่างพระเมรุ สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะ ประโคมเวลารับพระราชทานเพลิงและประโคมย่ำยามถึงเที่ยงคืน พระมหากษัตริย์หรือผู้แทนพระองค์เสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลที่พระเมรุ ทรงฟังเทศน์ สดับปกรณ์ เสด็จฯ ขึ้นพระเมรุทรงจุดเพลิง พระราชทานฉัตรตาดเหลือง 5 ชั้น สำหรับสมเด็จพระสังฆราชเจ้า หรือ พระราชทานฉัตรตาดเหลือง 3 ชั้น สำหรับสมเด็จพระสังฆราช แขวนสุมพระบรมอัฐิบนพระเมรุสุสานหลวง วัดเทพศิรินทราวาส ใช้เป็นที่สำหรับราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ พระศพเจ้านายและพระบรมวงศานุวงศ์มาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 แล้วซึ่งสร้างตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างพระเมรุขึ้นเมื่อคราวเตรียมการพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ และใช้เป็นเมรุที่ใช้พระราชทานเพลิงศพตลอดมาจนปัจจุบัน ซึ่งก่อนหน้านี้พระศพสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 17 "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) และสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 18 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) ทรงประกอบพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพที่สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาสเช่นกันในการนี้สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาสเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีพระราชทางเพลิงพระศพ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก อีกเช่นกัน