
กลายมาเป็นประโยคสุดฮิตในโลกโซเชียลมีเดียที่มีการแชร์และพูดถึงกันมาก นั่นก็คือ 'To forgive the terrorists is up to God, but to send them to him is up to" หรือแปลเป็นไทยว่า "การให้อภัยผู้ก่อการร้ายเป็นภารกิจของพระเจ้า แต่ภารกิจผมคือ ส่งพวกนี้ไปพบพระเจ้า" ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวาทะของนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่ส่งสารไปถึงกลุ่มไอเอสที่เพิ่งโจมตีกรุงปารีสเมื่อปลายสัปดาที่แล้ว โดยข้อความดังกล่าว มีต้นตอมาจากการทวีตข้อความในทวิตเตอร์ของ เรมี มาลอฟ @RemiMaalouf ผู้ประกาศข่าวสาวของสถานีโทรทัศน์ Russia Today (RT) ในกรุงมอสโก และสื่อมวลชนทั้งไทยและเทศนำมาเผยแพร่ต่อ รวมทั้งเว็บไซต์ Fox News นำไปเสนอเป็นข่าวด้วย
ล่าสุด เรมี มาลอฟ ได้ออกมาโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ของเธอว่า "นี่คืออันตรายของโซเชียลมีเดีย ฉันเอาคำพูดของปูตินมาจากคนที่โพสต์บนเฟสบุ๊ค ปรากฎว่ามันเป็นประโยคที่ไม่เป็นความจริง ฉันต้องขอโทษในเรื่องนี้ด้วย"หลังจากผู้ประกาศข่าวสาวของสถานีโทรทัศน์ Russia Today (RT)ได้โพสต์ข้อความขออภัยในความผิดพลาดแล้ว ก็ไม่ปรากฎว่าเธอโพสต์อะไรเพิ่มเติมอีกเป็นเวลาเกือบ 24 ชั่วโมงแล้ว
ทั้งนี้ คำพูดที่อ้างว่าเป็นของประธานาธิบดีปูตินนั้น น่าจะมาจาก 3 แหล่งที่ทำให้โลกโซเชียลมีเดียมาตัดต่อใหม่เป็นประโยคเท่ๆที่โดนใจคนทั้งโลก นั่นคือ
1. จากหนังดังฮอลลีวู้ด "Man On Fire" "คนจริงเผาแค้น" หนังปี 2004 ที่ แดนเซล วอชิงตัน แสดงเป็นพระเอก ที่ว่า "Forgiveness is between them and God. It's my job to arrange the meeting."
2. จากคำพูดของนายพลนอร์แมน ชวาร์ซคอฟ อดีตผู้นำปฏิบัติการพายุทะเลทรายเมื่อปี 1990-1991 เพื่อปลดปล่อยคูเวตจากซัดดัม ฮุสเซน โดยกล่าวเมื่อปี 2003 ที่สื่อถามนายพลว่าจะให้อภัยนายโอซามา บินลาเดน ได้หรือไม่ ท่านนายพลตอบว่า "Forgiveness is up to God. I just hope we hurry up the meeting."
3. จากคำพูดของปูติน ช่วงปราบกบฎเชเชน ขณะเยือนสาธารณรัฐเชเชน เมื่อปี 1999 ที่ว่า "We will chase the terrorists everywhere, forgive them God thing, our mission is to send them to see God, caught at the airport at the airport killed, caught in the toilet to drown in the toilet!" "Even if the terrorists hide in the sewers also take them to pull out."