svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

จับเสี่ยเบี้ยวเงินชาวไร่อ้อย

จับเสี่ยโควต้าอ้อยเบี้ยวเงินชาวไร่กว่าร้อยคน เป็นเงิน 4 ล้านบาท ตร.เข้าตรวจบ้านพักพบยาเสพติดและอาวุธจำนวนมาก รับไม่ได้จ่ายเงินจริง เพราะประสบปัญหาขาดทุน ส่วนยาเสพติดขายเพื่อหาเงินใช้หนี้




เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ตุลาคม 2558ที่ กก.1 บก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.4 พร้อม พ.ต.ท.กิตติพงษ์ จิตรคาม รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ณัฐพล มุงคำภา รอง ผกก.สส. พร้อมตำรวจสืบสวนภาค 4 และตำรวจ สภ.น้ำโสม ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายเอกเชฎฐ์ หรือ เสี่ยปั๊ก โชคศิริเจริญ อายุ 36 ปี และ นางนภัสภรณ์ หรือ เจ้เก๋ โชคศิริเจริญ อายุ 41 ปี 2 สามีภรรยา อยู่ที่ 179 หมู่ 6 ต.หนองหญ้าไซ อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี ในข้อกล่าวหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามหมายจับของศาล จ.อุดรธานี ที่ จ 276/2558 และ จ.277/2558 โดยจับกุมได้ที่บ้านหลังหนึ่ง ใน จ.ขอนแก่น



นอกจากนี้จากการตรวจค้นภายในบ้านพัก ตำรวจยังสามารถตรวจยึดยาเสพติดและอาวุธปืนได้อีกจำนวนมาก ประกอบด้วย ยาบ้า จำนวน 41 เม็ด กัญชาแห้งอักแท่ง จำนวน 39 แท่งๆ ละ 1 กก.รวมน้ำหนัก 39 กก. อาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก พร้อมกระสุน จำนวน 20 นัด ปืนพกสั้น แบบออโตเมติก ขนาด 9 มม. 1 กระบอก พร้อมกระสุน จำนวน 26 นัด และ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง โดยนายเอกเชฎฐ์ฯ รับว่าเป็นของตนเอง จึงแจ้งข้อหาเพิ่ม มียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 และ 5 (ยาบ้าและกัญชา) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย เสพยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 ยาบ้า โดยผิดกฎหมายและมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน



การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีชาวไร่อ้อยกว่า 100 คน ทั้งจาก อ.น้ำโสม อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานั และ อ.ศรีบุญเรือง อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู ได้เข้าแจ้งความต่อ พงส. สภ.น้ำโสม ว่า ถูกนายเอกเชฎฐ์ฯ และ นางนภัสภรณ์ฯ 2 สามีภรรยา ที่เป็นเจ้าของโควต้าส่งอ้อยให้กับโรงงานน้ำตาลฯแห่งหนึ่ง ใน จ.อุดรธานี มารับซื้ออ้อยจากชาวไร่อ้อยไปแล้ว ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2558 ที่บางรายก็มีการวางเงินมัดจำไว้บางส่วน แต่หลังจากนำอ้อยไปส่ง กลับไม่ยอมจ่ายเงินตามที่ตกลงซื้อขายไว้ และยังหลบหนี ปิดโทรศัพท์มือถือ ทำให้ชาวไร่อ้อยติดต่อไม่ได้ รวมค่าเสียหายกว่า 4 ล้านบาท ชาวไร่อ้อยจึงเข้าแจ้งความ และเข้ามาร้องเรียนยังศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา



ต่อมาทางชาวไร่อ้อย ได้เข้ามาร้องเรียนยัง กก.สส.1 บก.สส.ภ.4 เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมาให้ช่วยเร่งสืบสวนติดตามจับกุมนายเอกเชฎฐ์ฯ และนางนภัสภรณ์ฯ 2 สามีภรรยา จึงส่งกำลังทำการสืบสวนติดตามจับกุม จนทราบว่านายเอกเชฎฐ์ฯ หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านพักหลังหนึ่งในเขต จ.ขอนแก่น จึงนำหมายศาลเข้าทำการจับกุม และเมื่อตรวจค้นภายในบ้านพัด ยังพบยาเสพติดทั้งยาบ้า 41 เม็ด และกัญชาแห้งอัดแท่ง ประมาณ 39 กก.พร้อมอาวุธปืนยาวและสั้น พร้อมเครื่องกระสุน จำนวนมาก จึงยึดของกลางทั้งหมด และนำตัวมาทำการสอบสวน ต่อมานางนภัสภรณ์ฯ ได้เข้ามาเยี่ยมนายเอกเชฎฐ์ฯ จึงได้จับกุมตัวตามหมายจับ



ด้านนายเอกเชฎฐ์ฯ รับสารภาพว่า ไม่ได้จ่ายเงินให้กับชาวไร่อ้อยจริง เพราะตนเองประสบปัญหาขาดทุน จากราคาที่รับซื้อสูงกว่าราคาที่ไปส่งโรงงานน้ำตาลฯที่รับโควต้ามาจำนวน13,138.4 ตัน จากนั้นจึงหลบหนีมาทำงานในเขต จ.อุดรธานี หนองคาย และ บึงกาฬ เพื่อจะหาเงินไปใช้หนี้ใช้กับชาวไร่อ้อย



ช่วงนั้นตนเกิดความเครียดจึงหันมาเสพยาบ้า โดยซื้อยาบ้ามาจากผู้ค้ายาเสพติดชาว สปป.ลาว ต่อมาสักพักทราบว่ามีการแจ้งความจับตน จึงจะทดลองค้ายาเสพติด และได้สั่งซื้อยาบ้าและกัญชา จากผู้ค้ายาชาว สปป.ลาว หวังจะนำไปขาย เพื่อจะหาเงินมาใช้หนี้กับชาวไร่อ้อยที่ตนติดค้างอยู่ โดยสั่งยาบ้าและกัญชา มาครั้งแรก ยังไม่ทันได้ขายให้กับใคร ก็มาถูกจับกุมตัวได้




ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะมีการแถลงข่าว มีชาวไร่อ้อยทั้งจาก อ.น้ำโสม อ.วังสามหมอ ที่ถูกนายเอกเชฎฐ์ และ นางนภัสภรณ์ 2 สามีภรรยา โกงเงินค่าอ้อยประมาณ 40 คน ได้เดินทางมาดูการแถลงข่าว พร้อมยืนยันว่า ถูก 2 สามีภรรยาโกงเงินจริง โดยมีชาวไร่บางราย



บอกว่า ขณะนี้กำลังเดือดร้อนหนัก เพราะไม่มีเงินที่จะไปซื้อปุ๋ยใส่ไร่อ้อย เพราะเหลืออีกไม่กี่เดือนก็โรงงานน้ำตาลก็จะเปิดหีบ และนำอ้อยเข้าโรงงาน ซึ่งตอนนี้เราไม่มีทุนที่จะไปหาพันธุ์อ้อย และไม่มีปุ๋ยและยามาใส่อ้อย โดยทั้ง 2 สามีภรรยา รับปากว่าจะพยายามหาเงินมาใช้หนี้ให้ได้



นอกจากนี้ วันพรุ่งนี้ (20 ตุลาคม)นางบุญยัง โชคศิริเจริญ มารดาของนายเอกเชฎฐ์ ที่ได้รับโควต้าอ้อย จำนวน18,439.07ตัน ที่นัดชาวไร่อ้อย อ.น้ำโสม และ อ.วังสามหมอ จะนำเงินมาจ่ายให้กับชาวไร่อ้อยที่ติดค้างอยู่ที่ อ.น้ำโสม อีกหลายล้านบาท ซึ่งหากชาวไร่อ้อยไม่ได้รับเงินตามที่ตกลง ก็จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นางบุญยัง อีกคน