
ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ บอกว่าขณะนี้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในเรื่องระบบการจัดเก็บภาษีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ หรือภาษีบาป ว่า ภาษีที่เก็บจากธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ 100% นั้น ได้ถูกจัดสรรให้ สสส. นำไปใช้ 2% สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส 1.5% และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ 2% รวมแล้วเป็นภาษี 5.5% แต่ความจริงไม่ใช่ โดยสัดส่วนภาษี 5.5% นั้น เป็นการเก็บภาษีพิเศษเพิ่มจากภาษีปกติที่ต้องจ่าย
ทพ.กฤษดา บอกว่าการบริหารงาน สสส.ในปัจจุบัน ถือว่ามีดำเนินงานเทียบเท่าหน่วยงานรัฐต่างๆ เห็นได้จากช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อัตราการสูบบุหรี่ของคนไทยลดลงกว่า 1.2 ล้านคน คนดื่มเหล้าลดลง ช่วยประหยัดงบประมาณไปมากกว่า 20,000 ล้านบาท งานลดอุบัติเหตุ ช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิต 48% ลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นมากกว่า แสนล้านบาท
จากตัวอย่างในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา องค์กรที่มีลักษณะเดียวกับ สสส. ก็ถูกกลุ่มธุรกิจโจมตีและยุบองค์กรไป เกิดจากการทำงานขับเคลื่อนด้านการส่งเสริมสุขภาพ ให้ประชาชนลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาสูบ ส่งผลโดยตรงกับกลุ่มธุรกิจกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอำนาจและอิทธิพลอย่างมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทำงานที่ได้ผล ทำให้ประชาชนมีความเข้าใจถึงพิษภัยของสิ่งเหล่านี้ และตระหนักถึงสุขภาพมากขึ้น
มีรายงานว่าการตรวจสอบเงินบำรุงกองทุนที่ สสส. ได้รับ ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา รวมเป็นเงินกว่า 35,848 ล้านบาท โดยแต่ละปีรัฐเก็บภาษีบาปได้เพิ่มขึ้น(เว้น ปี 2549 ซึ่งเป็นผลจากการปรับเพิ่มอัตราภาษียาสูบเป็น 79% ทำให้การบริโภคยาสูบลดลง และในปี 2552 ที่มีการขึ้นภาษีเบียร์จาก 55% เป็น 60%)
ปี 2557 สสส. แจ้งว่ามีรายได้จากเงินบำรุงกองทุนที่มาจากภาษีบาป 4,064 ล้านบาท เพิ่มขึ้นแรกก่อตั้ง ในปี 2544 ที่ได้เงินจากภาษีบาป 1,526 ล้านบาท คิดเป็น 266% หรือกว่า 2 เท่าครึ่ง