
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2558 ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงระหว่างมูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กับ บริษัท น้ำตาลไทยเอกลักษณ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทน้ำตาลในกลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS เพื่อมอบให้โรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ดำเนินโครงการแปลงสาธิตและศูนย์เรียนรู้การเพาะปลูกอ้อยที่จังหวัดสุโขทัย
นายปรีชา อรรถวิภัชน์ ประธานกรรมการ KTIS เปิดเผยหลังลงนามว่า โครงการแปลงสาธิตและศูนย์เรียนรู้การเพาะปลูกอ้อยนี้ มีพื้นที่ 50 ไร่ ที่หมู่ 3 บ้านทุ่งมหาชัย ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย ซึ่งมูลนิธิสายใจไทยฯต้องการให้เป็นแปลงสาธิตและศูนย์เรียนรู้การทำไร่อ้อย เพื่อให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยได้เรียนรู้การทำไร่อ้อยอย่างถูกวิธีและได้ผลผลิตต่อไร่สูง จนสามารถนำไปพัฒนาการทำไร่อ้อยของตนเองให้ประสบความสำเร็จและเป็นอาชีพที่ยั่งยืน
"โครงการนี้มูลนิธิสายใจไทยฯซึ่งเชื่อมั่นในศักยภาพกระบวนการปลูกอ้อย บำรุงรักษาอ้อยและเก็บเกี่ยวอ้อยด้วยหลักวิชาการที่ทันสมัยของกลุ่ม KTIS ได้มอบหมายให้ฝ่ายไร่โรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ของเราทำต่อเนื่องมากว่า 4 ปีแล้ว และได้รับผลที่ดียิ่งตามความประสงค์ มีเกษตรกร นักเรียนนักศึกษาและผู้สนใจทั่วไปมาเยี่ยมชมอยู่เสมอ โดยเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ผลผลิตอ้อยต่อไร่ทั่วๆ ไป อยู่ที่ประมาณ 9 ตันต่อไร่ เราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำให้ได้ 13 ตันต่อไร่ ซึ่งผลที่ได้จริงเฉลี่ย 14.73 ตันต่อไร่ ถือว่าบรรลุเป้าหมาย จึงได้มีการทำข้อตกลงต่อเนื่องอีก 5 ปี โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องได้ผลผลิตไม่ต่ำกว่า 20 ตันอ้อยต่อไร่" นายปรีชากล่าว
ทั้งนี้ โครงการนี้ ได้ลงนามเมื่อ 15 ธันวาคม 2553 โดยมีระยะเวลาแผนงาน 1 มกราคม 2554 ถึง 31 กรกฎาคม 2558 และเมื่อกลุ่ม KTIS ทำแผนงานได้ดี มูลนิธิสายใจไทยฯ จึงได้ทำสัญญาฉบับใหม่ ที่จะให้กลุ่ม KTIS ดำเนินโครงการแปลงสาธิตและศูนย์เรียนรู้การเพาะปลูกอ้อยตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2558 ถึง 31 กรกฎาคม 2563
ขณะที่นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม KTIS กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมา แหล่งเรียนรู้ที่เป็นต้นแบบในการทำไร่อ้อยที่ถูกวิธียังมีน้อย ทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยไม่สามารถพัฒนาผลผลิตอ้อยได้ดีเท่าที่ควร ซึ่งมูลนิธิสายใจไทยฯ เล็งเห็นว่า กลุ่ม KTIS ซึ่งประกอบธุรกิจโรงงานน้ำตาลหลายโรง รวมทั้งโรงงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์มีระบบการดูแลชาวไร่อ้อยที่มีความพร้อมทั้งด้วยเทคโนโลยีวิชาการอ้อยที่ทันสมัยและมีความผูกพันเอาใจใส่ในการส่งเสริมให้ความรู้แก่ชาวไร่อ้อยคู่สัญญาอย่างเป็นรูปธรรมตลอดมา เช่น การจัดทำโครงการโรงเรียนเกษตรกรอ้อย โครงการสร้างทายาทชาวไร่อ้อย โครงการหมู่บ้านอ้อยสด โครงการหมู่บ้านดินดีมากมีอินทรียวัตถุ โครงการ บ-ว-ร (บ้าน-วัด-โรงเรียน) และโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ การคิดค้นต้นแบบระบบน้ำหยดสำหรับแปลงอ้อยในประเทศไทย การจัดหารถตัดอ้อยให้ชาวไร่อ้อย ฯลฯ มูลนิธิสายใจไทยฯ จึงให้เกียรติและให้ความไว้วางใจในการดำเนินโครงการนี้
"การดำเนินโครงการนี้ KTIS จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการสร้างองค์ความรู้ให้กับสมาชิกหมู่บ้านสายใจไทย เกษตรกรชาวไร่อ้อย นักเรียนนักศึกษา และผู้สนใจทั่วไป เพื่อให้ทราบถึงวิธีการเพาะปลูกอ้อยอย่างถูกวิธี การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในการเพาะปลูกบำรุงรักษาและเก็บเกี่ยว เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตอ้อยต่อไร่ เพื่อรักษาความยั่งยืนในการทำเกษตรให้แก่ชาวไร่อ้อยผ่านการจัดทำแปลงสาธิตการเพาะปลูกอ้อยและศูนย์การเรียนรู้การเพาะปลูกอ้อย" นายประพันธ์กล่าวนอกจากนั้น KTIS จะจัดอบรมให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยใน 5 อำเภอของจังหวัดสุโขทัย คืออำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสัชนาลัย อำเภอศรีนคร อำเภอศรีสำโรง และอำภอทุ่งเสลี่ยม รวมทั้งจัดทัศนศึกษาดูการทำไร่อ้อยในขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การเตรียมการก่อนการเพาะปลูก การปรับปรุงบำรุงดิน การปลูกอ้อย การบำรุงรักษาอ้อย การสร้างอินทรียวัตถุในดินโดยการปลูกพืชตระกูลถั่ว ซึ่งเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม การเก็บเกี่ยวอ้อยโดยใช้รถตัดอ้อยเพื่อให้ได้อ้อยสด และการบำรุงตออ้อย
"ต้องขอขอบคุณมูลนิธิสายใจไทยฯ ที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาภาคการเกษตร โดยเฉพาะในเรื่องอ้อยซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการทำน้ำตาล เอทานอล และผลิตไฟฟ้า และเชื่อว่าโครงการแปลงสาธิตและศูนย์เรียนรู้การเพาะปลูกอ้อยที่ใช้เป็นเหล่งเรียนรู้การเพาะปลูกอ้อยที่ถูกวิธีให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยเยาวชนและผู้สนใจจะเป็นประโยชน์ในการเพิ่มผลผลิตอ้อยและสร้างความมั่นคงให้กับอาชีพเกษตรกรได้ในระยะยาว" นายประพันธ์กล่าว