สถานีรถไฟใต้ดินสามย่าน เขตบางรัก 01.00 น. วันที่ 13 มิ.ย. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดการซ้อมแผนปฎิบัติการทางการแพทย์ฉุุกเฉินในเหตุสาธารณภัย ตามโครงการระดมทรัพยากรในพื้นที่เพื่อพัฒนาความพร้อมทางการแพทย์ในเหตุสาธารณภัย ปี 2558 เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ฉุกเฉิน ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าใจในบทบาทหน้าที่และพัฒนาทักษะในการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนการปฎิบัติงานทางการแพทย์ การเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยให้ได้รับความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยจำลองสถานการณ์รถไฟฟ้าใต้ดิน 2 ขบวนชนท้ายกันที่บริเวณสถานีรถไฟใต้ดินสามย่าน และระดมทั้งทีมกู้ชีพจากมูลนิธิต่างๆ โรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร และโรงพยาบาลเอกชน รวมทั้งสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภับ และตำรวจนครบาลในพื้นที่ เข้าร่วมฝึกซ้อม
โดยมี นายสัญญา ชินิมิตร ปลัดกรุงเทพมหานคร นพ.พีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัด กทม. คณะผู้บริหาร กทม. นพ.เพชรพงษ์ กำจรกิจการ ผอ.ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน กทม. (ศูนย์เอราวัณ) ผู้บริหารสำนักการแพทย์ โรงพยาบาลเลิดสิน บริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) การไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานเขตปทุมวัน สำนักงานเขตบางรัก สำนักเทศกิจ สถานีดับเพลิงบรรทัดทอง สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน สถานีตำรวจบางรัก พร้อมด้วยเครือข่ายในระบบบริการแพทย์ฉุกเฉิน กทม. ได้แก่ รพ.หัวเฉียว รพ.เทพธารินทร์ รพ.กล้วยน้ำไท มูลนิธิร่วมกตัญญู และมูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง ร่วมฝึกซ้อมแผน
กทม.โดยศูนย์เอราวัณ ได้จัดให้มีการซ้อมแผนปฎิบัติการทางการแพทย์ในการเผชิญเหตุสาธารณภัย อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2552 โดยปรับเปลี่ยนสถานการณ์ในการซ้อมแผน เพื่อเพิ่มพูนทักษะ และประสบการณ์ของผู้ปฎิบัติงาน
ทั้งนี้ปัจจุบันประชาชนใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินในการเดินทางเพิ่มมากขึ้น และจากเหตุการณ์เมื่อปี 2548 ได้เกิดเหตุรถไฟฟ้าใต้ดินชนกันที่บริเวณสถานีศูนย์วัฒนธรรม กทม. ทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 100 คน ทำให้ กทม.เล็งเห็นว่าการเตรียมการที่ดีจะช่วยลดความสูญเสียจากการเกิดภัย จึงทำให้มีการกำหนดซ้อมแผนปฎิบัติการในเหตุรถไฟฟ้าชนกันเหตุรถไฟฟ้าใต้ดินชนกัน ขณะที่มีประชาชนโดยสารจำนวนมากในเวลากลางคืน มีผู้บาดเจ็บ 60 คน มีการนำระบบบัญชาการเหตุการณ์ (Incident Command System (ICS)) มาใช้เพื่อช่วยให้การเผชิญเหตุการณ์ไม่เกิดความสับสน
การปฎิบัติการและการให้ความช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพรวมทั้งเป็นการประเมินศักยภาพและความพร้อมในการร่วมปฎิบัติการ เพื่อนำไปสู่การวางแผนการพัฒนาศักยภาพและความพร้อมในการรับมือเหตุที่จะเกิดขึ้น และยังเพิ่มความเข้มแข้งให้กับระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน กทม.อีกด้วย
สำหรับการซ้อมแผนจะจำลองสถานการณ์เหมือนจริง ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังขบวนรถไฟฟ้า ส่งผู้โดยสารชุดสุท้ายออกจากชานชาลาหมด เพื่อป้องกันความสับสน จากนั้นจะปิดพื้นที่เพื่อซ้อมแผน โดยเริ่มจากการจัดการหลังเกิดเหตุรถไฟฟ้าชนท้ายกันภายในตัวสถานี หลังเกิดเหตุทีมความพร้อมของบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และสปภ.กทม.จะเป็นทีมเผชิญเหตุเบื้องต้นก่อนหลังเคลียร์พื้นที่ในชานชาลาเสร็จ ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จะถูกทีมกู้ชีพ จากมูลนิธิ และโรงพยาบาล ลำเลียงขึ้นจากชานชาลามุ่งสู่พื้นที่ชั้น 2 เพื่อแยกกลุ่มอาการ ก่อนส่งโรงพยาบาลตามความเร่งด่วน
สำหรับผู้บาดเจ็ฐจะแบ่งเป็น 3 ระดับสี คือ แดง อาการสาหัส สีเหลือง อาการปานกลาง และเขียวได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนการคัดเลือสถานพยาบาล ทีมกู้ชีพจะส่งผู้บาดเจ็ฐไปยัง รพ.ใกล้จุดเกิดเหตุเร็วที่สุด ซึ่งการซ้อมแผนครั้งนี้ มี รพ.เอกชน 3 แห่งคือ เทพธารินทร์ กล้วยน้ำไท และหัวเฉียว และโรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จุฬาลงกรณื รวมถึง รพ.สังกัด กทม. เข้าร่วมซ้อมการช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ขณะที่ ม.รว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่า กทม. กล่าวว่า อุบัติภัยเกิดขึ้นได้ทุกที่โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีประชาชนพักอาศัยอยู่หนาแน่น ในแต่ละวันมีประชาชนเดินทางไม่ต่ำกว่า 17 ล้านคน การฝึกซ้อมแผนเป็นเรื่องสำคัญในการเตรียมพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน ทางกรุงเทพมหานครจึงมีแผนรับมืออุบัติภัยต่างๆ แม้จะมีแผนก็ไม่เพียงพอ การปฏิบัติให้ได้ประสิทธิภาพประสิทธิผลจะต้องมีการซ้อม
โดยเฉพาะกรณีที่มีการทำงานร่วมกันจึงได้จัดให้มีการซ้อมสถานการณ์ การซ้อมใหญ่ทาง กทม.ได้มีการฝึกซ้อมเป็นครั้งที่ 3 มีหลายหน่วยงานเข้าร่วม ทั้ง กทม.BMCL โรงพยาบาลต่างๆ ศูนย์เอราวัณ ฯลฯ โดยเฉพาะศูนย์เอราวัณที่เป็นเครือข่ายการรักษาฉุกเฉินในกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้การฝึกซ้อมได้เป็นการซ้อมของทุกหน่วยงานให้มีความพร้อม หากเจออุบัติภัยต่างไ จะต้องมีการปฏิบัติอย่างไร และจะได้นำประสบการณ์ไปขยายผลต่อยอดได้ในวันหน้าอีกด้วย
ขณะที่นายแพทย์เพชรพงษ์ กำจรกิจการ ผู้อำนวยการศูนย์เอราวัณ กล่าวว่า มีการเตรียมการโดยได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานที่เข้าร่วมซ้อมแผน รวมทั้งหน่วยงานที่ต้องเข้ามาร่วมกันบูรณาการในการซักซ้อมแผน ทั้งทางสำนักงานเขตต่างๆ เจ้าหน้าที่เทศกิจ และด้านการจราจรของตำรวจนครบาลในการสืบสวนหาสาเหตุ เพื่อมาดำเนินการหากเหตุเกิดขึ้นแล้วจะเข้ามาดำเนินการให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดได้ จะมีการคัดแยกผู้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนได้หรือผู้บาดเจ็บมีประสิทธิภาพมากที่สุด