svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

สธ.ตะพานหิน เร่งติดตาม นร.83 รายเสี่ยงติดโรคอีดำอีแดง

สาธารณสุขอำเภอตะพานหิน จ.พิจิตร เร่งทำความเข้าใจครู หลังพบเด็กป่วยเป็นโรคอีดำอีแดง พร้อมติดตามนักเรียนอีก 83 รายที่หยุดเรียนโดยไม่ทราบสาเหตุ

ความคืบหน้ากรณีการแพร่ระบาดของโรคอีดำอีแดงในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ล่าสุด สาธารณสุขอำเภอตะพานหิน ดร.ธานี โชติกคาม พร้อมด้วยนายแพทย์ประทีป จันทร์สิงห์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชตะพานหิน ร่วมชี้แจงทำความเข้าใจกับคณะครู และผู้บริหารโรงเรียนเอกชนชื่อดังในพื้นที่อำเภอตะพานหิน เพื่อทำความเข้าใจในการรักษาและเฝ้าระวัง

หลังมีนักเรียนป่วยเข้ารักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชตะพานหิน จำนวน 11 ราย และมีการตรวจพบผู้อยู่ในข่ายที่จะเป็นโรคอีดำอีแดงอีก 121 ราย ซึ่งทั้งหมดได้มีการจ่ายยาให้รับประทานทุกคนแล้ว โดยการประชุมชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจถึงการดูแลและการป้องกัน รวมไปถึงการติดตามอาการของเด็กที่พบว่าป่วย พร้อมกับติดตามอีก 83 ราย ที่หยุดเรียนโดยไม่ทราบสาเหตุว่ามีอาการป่วยหรือไม่ ส่วนอาการของนักเรียนที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชตะพานหินอาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดร.ธานี บอกว่า หลังที่พบว่ามีผู้ป่วยเรามีการดำเนินการตามขั้นตอนทั้งการรักษา ควบคุมและเฝ้าระวัง ขณะนี้เราได้มีการคัดกรองผู้ที่คาดว่าน่าจะเข้าข่ายป่วยเป็นโรคอีดำอีแดงแล้ว ซึ่งก็มีทั้งสิ้น 121 ราย เราได้ให้ยาเพื่อทำการรักษา หากรับประทานต่อเนื่องครบ 10 วันก็จะหายขาด ส่วนอีก 83 ราย ที่ไม่มาโรงเรียนเราได้รบกวนให้ครูเป็นผู้ติดตามว่าเด็กมีอาการป่วยหรือไม่เพื่อเร่งรักษาได้ทันเวลา

ขณะนี้เคาดว่าสามารถควบคุมโรคได้ เนื่องจากเราได้คัดกรองในจุดที่พบโรคและทำการรักษา รวมทั้งได้ประสานงานไปยังท้องถิ่น สาธารณสุข ที่เด็กนักเรียนอยู่ทั้งในเขตอำเภอตะพานหิน และอำเภอใกล้เคียงเพื่อช่วยกันดูแล จึงขอฝากประชาชนอย่าตื่นตระหนกเพราะเป็นโรคที่รักษาได้ไม่ยาก ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ก็จะสามารถรักษาได้

สำหรับโรคอีดำอีแดงหรือ Scarlet fever เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สเตรปโตคอคคัสชนิดเอ (Streptococus group A) ซึ่งเป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคได้หลายชนิด อาการเริ่มต้นคือ เจ็บคอ ปวดศีรษะ และมีไข้ จากนั้นเริ่มมีผื่นละเอียดสีแดงสั โดยผื่นจะเริ่มจากลำคอ รักแร้และหน้าอกช่วงบนลามลงมาตามลำตัวแขนขา สามารถติดต่อทางการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ทางเดินหายใจ เป็นต้น