svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"นิพิฏฐ์" วิพากษ์ผลงาน 1 ปี "รบ.ประยุทธ์-คสช." ชัดเจนสุดยุติการใช้ความรุนแรง

22 พฤษภาคม 2558
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นิพิฏฐ์ วิพากษ์ผลงาน1ปี รบ.ประยุทธ์--คสช.ชัดเจนสุดยุติการใช้ความรุนแรง แต่ ศก. แย่กว่า รบ. ที่มาจากการ ลต, ปราบคอร์รัปชั่นยังไม่ชัดเจน ปัญหาของชาติก่อนการยึดอำนาจที่คนไทยขัดแย้งกัน


ที่พรรคประชาธิปัตย์ -21พ.ค.58- นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการบริหารประเทศของรัฐบาล หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ยึดอำนาจ ครบ1ปีว่า ปัญหาของชาติก่อนการยึดอำนาจที่คนไทยขัดแย้งกันมีไม่กี่เรื่อง หลักๆคือ1.ความเห็นต่างเรื่องประชาธิปไตยเพราะมีนิยาม ความเข้าใจที่ต่างกัน 2.เรื่องความยุติธรรม จนสร้างวาทะกรรมขยายผลว่า สองมาตรฐาน 3.การทุจริตที่หยั่งรากลึก จนไม่สามารถแก้ไขได้ มีการเรียกร้องให้ปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง แต่หนึ่งปีที่ผ่านมา ทั้งคสช.และรัฐบาล ให้นิยามคำว่า ปฏิรูปผิด โดยเข้าใจว่าการปฏิรูปคือการร่างรัฐธรรมนูญใหม่และแก้ไขกฎหมายอื่นๆมาใช้ จึงเสียเวลาไปกับ2เรื่องนี้ โดยไม่ดูพื้นฐานของปัญหาคือ ความแตกแยกและความขัดแย้งในสังคม ของแต่ละฝ่ายซึ่งวันนี้อยู่ในที่ตั้ง แต่พร้อมจะปะทุแสดงออกในตอนเลือกตั้งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลักรัฐศาสตร์ว่าไว้ พฤติกรรมของมนุษย์สำคัญกว่ากฎหมาย ดังนั้นถ้าพฤติกรรมไม่เปลี่ยน ปัญหาก็แก้ไม่ได้ จึงต้องปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมประชาธิปไตยของคนไทยที่เห็นต่างได้ อยู่ร่วมกันได้ แต่ไม่ใช้ความรุนแรง ฆ่าแกงกัน แต่รัฐบาลนี้ยังไม่ได้ทำ ทั้งที่มีกลไกเครื่องมือต่างๆ เพื่อปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมของคนในสังคม ในเรื่องจำเป็น คือ สร้างความเข้าใจ , ความยุติธรรมขั้นพื้นฐานให้ประชาชนในชาติได้เข้าใจใกล้เคียงกัน ชี้แจงเรื่องสองมาตรฐานให้คนในชาติเข้าใจ น่าเสียดายที่ไม่ทำกัน ตนเชื่อว่า หากมีการยกเลิกมาตรา44ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม ก็ยังไม่สาย หากลงมือทำวันนี้เพราะยังมีเวลา ดีกว่าไม่พยายามแก้ไขเลย
นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ผลงานที่ชัดเจนสุดของรัฐบาลนี้ คือ สามารถควบคุมและยุติการใช้ความรุนแรงของคนในชาติได้ นอกนั้นการแก้ไขปัญหาอื่นๆยังเหมือนเดิม เช่น ปัญหาเศรษฐกิจยังแย่กว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ส่วนการปราบคอร์รัปชันยังไม่ชัดเจน ก็ต้องตามดูต่อ สำหรับการปฏิรูปประเทศจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับประชาชนเพราะหลังการปฏิวัติใหม่ๆ สังคมคาดหวังมากว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ แต่ผ่านมาหนึ่งปีพบว่า การสนับสนุนของประชาชนลดลง เสียงเรียกร้องให้คืนอำนาจมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมผลงานของรัฐบาลนี้ต้องดูที่อนาคตในอีก1ปี หากมีการเลือกตั้งจริง ถ้าทุกอย่างไม่กลับไปเหมือนเดิมก็ถือว่าสำเร็จ แต่ตนเชื่อว่าจะกลับไปเหมือนเดิมรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตี ระบุ ถ้ามีการทำประชามติ การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นราวเดือน ส.ค.-ก.ย.ปี59ว่า เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะเดิมนายกฯประกาศโรดแมป หลายฝ่ายเห็นพ้องว่าน่าจะมีการเลือกตั้งก.พ.59หรืออย่างช้าหากมีการทำประชามติก็เดือนพ.ค.59 แต่ตอนนี้กลับประกาศออกไปเช่นนี้ จึงเหนือความคาดหมายของตน เพราะถือว่าโรดแมปที่เป็นสัญญาประชาคมถูกยกเลิกไปแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะอยู่ยาว ส่วนจะสืบทอดอำนาจหรือไม่ ไม่ทราบ เพราะการขยายเวลายืดออกไปโดยชี้แจงไม่ได้ เขาอาจคิดว่าหากยืดเวลาออกไปกำลังของฝ่ายต่อต้านจะลดน้อยลง อำนาจการต่อรองของผู้มีอำนาจจะยิ่งสูงขึ้นก็ได้

logoline