ภายใต้ข้อตกลงเมื่อปี 2553 การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในไอเอ็มเอฟ จะมีทั้งการขยายวงเงินกู้สำหรับใช้แก้ไขปัญหาวิกฤติ และให้จีน กับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่นๆ เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการบริหารองค์กร
แต่มาตรการดังกล่าวถูกสภาคองเกรสบล็อกอยู่ โดยสภานิติบัญญัติของสหรัฐ ปฏิเสธทั้งเรื่องการที่สหรัฐจะทุ่มเทให้กับไอเอ็มเอฟมากขึ้น รวมถึงการลดน้ำหนักเสียงโหวตของสหรัฐในบอร์ดบริหารไอเอ็มเอฟลง และเพิ่มอำนาจการโหวตของจีนมากขึ้น
รัฐมนตรีคลังสหรัฐ บอกว่า ภายในปีนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า จะพยายามให้สภาคองเกรสให้การอนุมัติแผนปฏิรูป โดยรัฐบาลจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีการอนุมัติเรื่องนี้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และรัฐบาลก็เชื่อว่า คองเกรสจะผ่านกฏหมายการปฏิรูปออกมาได้ เพราะเรื่องนี้สำคัญกับเศรษฐกิจ ความมั่นคงของสหรัฐ และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของโลก
ขณะที่กลุ่ม 20 ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ และเศรษฐกิจเกิดใหม่ ทั่วโลกได้ออกมาตำหนิสหรัฐเมื่อวันศุกร์จากปัญหาความล่าช้าในการปฏิรูปไอเอ็มเอฟ
อย่างจีน ซึ่งผิดหวังกับความล่าช้าของสหรัฐในการปฏิรูปไอเอ็มเอฟ ก็ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเอเชีย และก็ได้รับความสนใจจากประเทศในเอเชีย ยุโรป และแคนาดา โดยมันถูกมองว่าเป็นคู่แข่งขอไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกที่สหรัฐมีอิทธิพลอยู่สูงมาก และธนาคารการพัฒนาเอเชีย ที่มีญี่ปุ่นเป็นแกนนำ