svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

มลพิษ เหตุพระจันทร์สีเลือด

ในช่วงหัวค่ำของวันพรุ่งนี้ (4เม.ย.) ประเทศไทยจะได้เห็นปรากฏการณ์ดวงจันทร์สีเลือด "จันทรุปราคาแบบเต็มดวง" ครั้งแรกและครั้งเดียวของปีนี้ ซึ่งทางสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ มีตำอธิบายเรื่องนี้ เราไปติดตามรายงานจากคุณจุฑารัตน์ ทิพย์นำภา ผู้สื่อข่าว เนชั่นทีวี

ในคืนที่ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามืดของโลก ในขณะที่ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์อยู่ในแนวระนาบเดียวกัน จะเกิดปรากฎการณ์จันทรคราส หรือจันทรุปราคา ที่ดวงจันทร์มีลักษณะเว้าแหว่ง อย่างที่จะเห็นได้ในช่วงหัวค่ำของคืนวันที่ 4 เมษายนนี้
สีของดวงจันทร์ที่เปลี่ยนไปเป็นสีแดงอิฐ เมื่อเกิดจันทรคราส ทำให้คนตีความไปตามความเชื่อ เช่น พระจันทร์สีเลือด อาจเป็นเหตุให้เกิดอาเพศ แต่ในมุมของนักดาราศาสตร์ ได้ยืนยันถึงการศึกษาสีของดวงจันทร์ที่เปลี่ยนไปว่า เกิดจากอนุภาคของฝุ่นละอองในบรรยากาศชั้น
"ถ้าสังเกตุจันทรปราคาเต็มดวง จะเห็นว่าแต่ละครั้ง สีของดวงจันทร์จะแตกต่างกัน เพราะบรรยากาศของโลกมีการเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันมีนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ศึกษาสี หรือสเปกตรัมของดวงจันทร์ขณะที่เกิดคราสเต็มดวง พบว่ามีความสัมพันธ์กับระดับ ปริมาณอนุภาคของชั้นบรรยากาศชั้นบน เช่นกรณีการระเบิดของภูเขาไฟพีนาตูโบ ที่ประเทศฟิลิปส์ ปี 2534 ในปี 2535 เมื่อเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง ในครั้งนั้น จันทร์เต็มดวงมีความสว่างรน้อยมาก สีเข้มค่อนข้างมืด"
การศึกษาสีของดวงจันทร์ ได้รับความสนใจมากขึ้น รวมถึงนักวิจัยไทยที่พร้อมเข้าร่วมสังเกตุการณ์จันทรุปราคาเพื่อการวิจัยมากขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าในปีนี้อาจทำได้ยาก เพราะในเวลาที่เกิดคราสเต็มดวง ดวงจันทร์อยู่ในจุดที่ต่ำมาก อาจต้องรออีกหลายปี
ส่วนเหตุที่ ปีนี้เกิดจันทรุปราคามาก 4 ครั้ง จนผิดสังเกตุนั้น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติยืนยันว่าเป็นเรื่องปกติ ที่เกิดขึ้นได้จากลักษณะวงโคจรของโลก รอบดวงอาทิตย์ กับวงโคจรของดวงจันทร์ รอบโลก
โอกาสที่ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ กับโลกจะมาเรียงอยู่ในแนวเดียวกันบริเวณจุดโหนด ซึ่งมี 2 โหนดเนี้ย มีโอกาสที่เกิดขึ้นได้อย่างมาก 2 ครั้งด้วยกัน ใน 2 โหนดสามารถเกิดได้ 4 ครั้งด้วยกัน เป็นปรากฏการที่เป็นปกติ เพราะฉะนั้นจะสังเกตุได่ว่าบางปี จะเห็น 4 ครั้ง ณ ตำแหน่งต่างกันบนโลกจบ :--------------------- ลงเสียง -----------------------ปรากฏการณ์จันทรุปราคาแบบเต็มดวงในครั้งนี้ สามารถสังเกตได้ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงเวลา 18.57 - 19.02 น. บริเวณขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกประมาณ 7 องศา กินเวลานาน 5 นาที แต่หากพลาด อาจต้องรอนานถึง 3 ปี ในวันที่ 31 ม.ค. 2561 กว่าจะเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นอีกครั้ง