
พ.ต.อ.นพสิทธิ์ กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากในพื้นที่ บก.น. 5,6,7,8,9ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ร่วมกันก่อเหตุปล้นทรัพย์และวิ่งราวทรัพย์สร้อยทองคำบ่อยครั้ง โดยมักจะเลือกก่อเหตุในย่านธุรกิจการค้าย่านเยาวราชเอเชียทีคและศาลเจ้าพ่อเสือโดยทุกครั้งที่คนร้ายลงมือก่อเหตุมีพฤติการเดียวกันคือคนร้ายมักจะสวมหมวกกันน็อคครึ่งใบสีขาวสีแดงและสีเทาสวมเสื้อแจ็คเก็ตแขนยาวสีดำสีขาวและสีชมพูอ่อนและใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่ารุ่นมีโอส่วนเส้นทางที่ใช้หลบหนีคือเส้นทางฝั่งธนบุรี โดยคนร้ายมีการทำงานเป็นทีม มีการวางแผนอย่างดี มีผู้ดูต้นทางมีผู้ลงมือก่อเหตุและมีผู้เฝ้าระวังหลังจากก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจกก.สส.บก.น.6และฝ่ายสืบสวนสน.บางกอกใหญ่จึงร่วมกันสืบสวนจนทราบว่ากลุ่มคนร้ายดังกล่าวใช้ชื่อว่าแก๊งพลอยแก้วมีนายกุลเดชเป็นหัวหน้าแก๊งซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีหมายจับในคดีปล้นทรัพย์พื้นที่สน.บางกอกใหญ่จำนวน8คดี
จากการสืบสวนทราบว่านายกุลเดชพร้อมพวกได้หลบหนีไปอยู่ที่บ้านเลขที่225/278หมู่บ้านสินทวีกรีนวิลล์ต.บ้านคลองสวนอ.พระสมุทรเจดีย์จ.สมุทรปราการเจ้าหน้าที่จึงขออนุมัติศาลออกหมายค้นผลการตรวจค้นพบนายกุลเดชกับพวกรวม5คนจึงเชิญทั้งหมดมาสอบสวนที่กก.สส.บก.น.6จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์มาตั้งแต่พ.ศ.56โดยทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า50ครั้งโดยคนร้ายจะเน้นการกระซากสร้อยคอทองคำเท่านั้น หลังจากนั้นจะนำทองที่ได้มาไปขายทอดตลาดย่านวงเวียนใหญ่ก่อนที่จะนำเงินไปแบ่งกันพร้อมกับนำไปเที่ยวเตร่ ผกก.สส.บก.น.6 กล่าว
พ.ต.อ.นพสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังสถานีตำรวจต่างๆ เพื่อติดตามผู้เสียหายที่ร้องทุกข์ไว้มาชี้ยืนยันตัวผู้ต้องหา จนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับนายกุลเดชและพรรคพวกรวม 9 ราย จำนวนหมายจับทั้งสิ้น 29 หมาย ในข้อหาปล้นทรัพย์และร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด และผู้ต้องหาได้นำชี้สถานที่เกิดเหตุและร้านรับซื้อของโจรที่นำสร้อยคอทองคำที่ได้จากการก่อเหตุไปจำหน่ายนอกจากนี้ยังดำเนินคดีร้านรับซื้อสร้อยคอทองคำจากผู้ต้องหาในข้อหาประกอบกิจการค้าของเก่าโดยไม่ได้รับอนุญาตและรับของโจร ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่3รายคือนายสหรัฐ หรือบิ๊ก ทองอุดมอายุ19 ปี นายศราวุธ หรือเบล หรือมอเร่ ปานทอง อายุ 26 ปี และนายนรวิชญ์ หรือไปรท์ สุขเจริญ อายุ 20 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป