
เมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่กรมควบคุมโรค นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวถึงกรณีที่มีการตรวจเจอเชื้ออหิวาต์เทียมหรือเชื้อวิบริโอ พาราฮิโมไลติคัส(Vibrio parahaemolyticus)ในเลือดไก่ที่นำมาทำข้าวมันไก่ว่า ขอย้ำว่ามีการพบเชื้ออหิวาต์เทียมเฉพาะในเลือดไก่เท่านั้น ส่วนเนื้อไก่และข้าวมันไก่สามารถรับประทานได้ตามปกติ สำหรับเลือดไก่ ประชาชนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเลือดไก่ที่วางขายตามท้องตลาด ถูกทำให้สุกมาแล้วและที่สำคัญผู้บริโภคต้องการรับประทานเลือดที่มีลักษณะนิ่ม จึงไม่นิยมนำไปต้มซ้ำอีกครั้งก่อนบริโภค แนะนำให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการรับประทานเลือดไก่ที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคที่ถูกวิธี ต้มด้วยอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 75 องศาเซลเซียส นาน 15 นาที ที่สำคัญ ผู้ที่สับไก่ต้องปฏิบัติตามหลักสุขาภิบาลอาหาร เช่น มือเป็นแผลไม่ควรสับไก่ขาย ไม่ทิ้งวัตถุดิบให้ค้างมื้อ และแยกเขียงกับมีดสำหรับหั่นเลือดไก่ต่างหาก ในกรณีเป็นการสับไก่ต้มเพื่อเสิร์ฟสำหรับการรับประทานต้องใส่ถุงมือพลาสติก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอาหารเป็นพิษ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคได้มีการประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมปศุสัตว์ที่ได้ดำเนินการสั่งปิดโรงงานที่ตรวจพบการปนเปื้อนของเชื้อในเลือดไก่แล้ว 1 แห่งและมีการสุ่มตรวจอีก 27 แห่ง ส่วนร้านค้าข้าวมันไก่ ประสานกรมอนามัยเข้าไปแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขลักษณะ แนะนำการปรุงที่ถูกวิธี สำหรับประชาชนทั่วไป ยังสามารถรับประทานข้าวมันไก่ เนื้อไก่ หรือเลือดไก่ที่ต้มสุกได้ ซึ่งเลือดไก่ที่ต้มสุกดีจะมีสีที่เข้ม และเนื้อแข็งกว่าเลือดไก่ที่สุกไม่ดี ที่มีสีแดงๆกลิ่นคาวและเนื้อนิ่มหยุ่น
ปกติเชื้ออหิวาต์เทียมหรือเชื้อวิบริโอ พาราฮิโมไลติคัส(Vibrio parahaemolyticus)จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมโดยชอบน้ำเค็มหรือน้ำกร่อย ส่วนใหญ่จึงพบการปนเปื้อนในหอย กุ้ง เช่น หอยแครงหรือหอยแมลงภู่ที่ลวกไม่สุก การที่เชื้อนี้จะมาปนเปื้อนในไก่ใช่เรื่องง่าย นับเป็นครั้งแรกของโลกที่สอบสวนและตรวจสอบแล้วพบว่ามีการปนเปื้อนเชื้อนี้ในเลือดไก่ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบต่อไปว่าเชื้อนี้มาปนเปื้อนในเลือดไก่ได้อย่างไรนพ.โอภาสกล่าว
พญ.ดารินทร์ อารีย์โชคชัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านเวชกรรมป้องกันสาขาระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า เรื่องนี้ตรวจพบจากการที่ทีมระบดาวิทยาสอบสวนโรคกรณีนักเรียนท้องเสียเข้าโรงพยาบาลในพื้นที่ภาคเหนือ โดยพบว่าเกิดจากสาเหตุซ้ำๆคือการรับประทานข้าวมันไก่ จึงเข้าที่ร้านข้าวมันไก่ จนพบเชื้ออหิวาต์เทียมปนเปื้อนในเลือดไก่ที่นำมาทำข้าวมันไก่ สอบสวนต่อไปยังร้านค้าในตลาดที่ขายเลือดเก่า รถที่ขนส่ง และโรงงานผลิตก็ล้วนพบเชื้อนี้ทั้งสิ้น โดยที่โรงงานพบทั้งในเลือดที่ต้มสุกแล้วและเลือดสดๆดิบๆที่ใช้รางรอรับจากคอไก่ เท่ากับว่าเลือดไก่มีการปนเปื้อนเชื้อนี้ตั้งแต่เป็นเลือดดิบ ซึ่งขณะนี้กรมควบคุมโรคร่วมกับกรมปศุสัตว์อยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเกิดการปนเปื้อนของเชื้ออหิวาต์เทียมในเลือดไก่ในโรงงานผลิตได้อย่างไร เนื่องจากปกติเชื้อชนิดนี้จะพบในอาหารทะเลเป็นส่วนใหญ่
จากการตรวจสอบที่โรงงาน พบว่าในการต้มเลือดไก่ใช้อุณหภูมิ 70-80 องศาเซลเซียส ใช้เวลาสั้นๆ ทำให้สุกไม่ถึงใจกลางก้อนเลือดไก่ เชื้อที่ปนเปื้อนมาจึงยังคงอยู่ในเลือดไก่ ประกอบกับในขั้นตอนของการขนส่ง จะเก็บเลือดในน้ำเกลือ ซึ่งเป็นลักษณะสภาพแวดล้อที่เชื้อชนิดนี้ชอบ คือ มีความเค็ม ทำให้เชื้อที่หลงเหลืออยู่เติบโตเพิ่มจำนวนมากขึ้นอีกได้ เมื่อประชาชนซื้อไปรับประทานแล้วไม่ต้มซ้ำให้สุกจริงๆจึงมีโอกาสได้รับเชื้อพญ.ดารินทร์กล่าว
นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า อหิวาต์เทียม เกิดจากเชื้อวิบริโอ พาราฮิโมไลติคัส(Vibrio parahaemolyticus) จะมีอาการป่วย อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเหลว อาจมีไข้หรืออาการอื่นๆร่วมด้วย ซึ่งเป็นอาการที่น้อยกว่าเชื้ออหิวาต์แท้ที่เกิดจากเชื้อ วิบริโอ คลอเรลลา(Vibrio Cholera) ที่ปัจจุบันพบผู้ป่วยน้อยมากในประเทศไทย ส่วนอหิวาต์เทียมอาการจะดีขึ้นภายใน 3 วัน มีอัตราเสียชีวิตน้อยกว่า 1 ต่อ 1,000