
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้ทำหนังสือเรื่องข้อมูลและความเห็นต่อโครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ถึงนายเกษมสันต์ จิณณวาโส เลขาธิการ สผ.เพื่อประกอบการพิจารณาของ คชก.ด้านแหล่งน้ำ โดยมีสาระสำคัญระบุว่า เนื่องด้วยพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์อยู่ในอุทยานฯ แม่วงก์ จำนวน 12,200 ไร่ สภาพเป็นป่าที่กำลังฟื้นตัวเข้าสู่สภาวะป่าสมบูรณ์ นับตั้งแต่ พ.ศ.2526 รวมทั้งพื้นที่ป่าดังกล่าวเป็นป่าในพื้นที่ลุ่มต่ำ เป็นระบบนิเวศเฉพาะ หาได้ยากในประเทศไทย
ขณะเดียวกัน พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าที่สำคัญ เช่น เสือโคร่ง ซึ่งถือเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่มีบทบาทในระบบนิเวศป่าไม้ และปัจจุบันอยู่ในสถานะเสี่ยงสูญพันธุ์ ในพื้นที่ที่จะก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์มีการค้นพบเขียดงูดอยสุเทพ ซึ่งเป็นการค้นพบครั้งที่ 2 ในประเทศไทย รวมทั้งพบค้างคาวจมูกหลอดเล็กท้องขาว ซึ่งเป็นสปีชีส์ใหม่
ในหนังสือระบุต่อว่ากระทรวงต่างประเทศได้มีหนังสือด่วนมาก ลงวันที่ 20 ม.ค.2555 แจ้งว่าศูนย์มรดกโลกได้แสดงความเป็นกังวลเกี่ยวกับการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ซึ่งอยู่ติดกับพื้นที่มรดกโลกห้วยขาแข้ง โดยขอให้ไทยระงับการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์จนกว่าผลการประเมินอีไอเอจะครบถ้วน และได้มีการประเมินผลกระทบจากโครงการดังกล่าวต่อคุณลักษณะที่โดดเด่นของมรดกโลกห้วยขาแข้ง และการเก็บกักน้ำไว้ใต้ดิน คือ ผืนป่าจะมีศักยภาพในการเก็บน้ำมากกว่าน้ำบนดิน ซึ่งคือการสร้างเขื่อน ที่สำคัญกรมอุทยานฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดทำแผนเสนอพื้นที่อุทยานฯ แม่วงก์ และพื้นที่ใกล้เคียงเป็นมรดกโลก เพื่อเป็นการอนุรักษ์ผืนป่าขนาดใหญ่คือผืนป่าตะวันตกอย่างต่อเนื่อง
ในหนังสือระบุด้วยว่า กระทรวงทรัพยากรฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาข้อมูลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โครงการเขื่อนแม่วงก์ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2556 โดยคณะกรรมการด้านต่างๆ มีความเห็นต่อความถูกต้องสมบูรณ์ของรายงาน ทั้งด้านทรัพยากร ด้านการบริหารจัดการน้ำ ด้านเศรษฐศาสตร์ เมื่อพิจารณาจากข้อมูลทั้งหมด จึงมีความเห็นว่าไม่ควรสร้างเขื่อนแม่วงก์ในพื้นที่อนุรักษ์ แต่ควรดำเนินการจัดทำแนวทางเลือกในการจัดการน้ำแนวทางอื่นที่ไม่ต้องสูญเสียพื้นที่ขนาดใหญ่ในพื้นที่อนุรักษ์และให้ความคุ้มค่าในการจัดการน้ำมากกว่า