svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

สั่งย้าย 33 นักโทษหัวโจกคุกมีนบุรี ก่อเหตุแทงนักโทษสายตำรวจตาย

31 ตุลาคม 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กรมราชทัณฑ์ - 31 ต.ค.57 - อธิบดีราชทัณฑ์สั่งย้าย 33.นักโทษหัวโจกคุกมีนบุรีก่อเหตุแทงนักโทษสายตำรวจตาย ส่วนคดียิงผู้คุมคุกสุราษฎร์สั่งย้ายผู้คุม 20 รายพร้อมระบายนักโทษขาใหญ่ วางมาตรการเข้มกวาดล้างยาเสพติด-โทรศัพท์มือถือ เริ่มต้น 10 พ.ย.นี้

นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีกลุ่มนักโทษภายในเรือนจำพิเศษมีนบุรีก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกาย  นายชื่นพันธ์ มาบางครุ ผู้ต้องขังคดียาเสพติดซึ่งระบุว่าเป็นสายตำรวจเสียชีวิตภายในเรือนจำว่า ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษมีนบุรีได้รายงานข้อเท็จจริงเบื้องต้นให้ทราบแล้ว. ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาตัวนักโทษที่ก่อเหตุอยู่ ส่วนนักโทษที่เสียชีวิตขณะนี้ได้แจ้งให้ญาติมารับศพแล้วโดยช่วงที่ทางเรือนจำรับตัวนักโทษรายนี้เข้ามาไว้ในเรือนจำ ตำรวจก็ไม่ได้แจ้งกับทางเรือนจำว่าเป็นสายให้กับตำรวจ ทำให้เรือนจำไม่ทราบว่าผู้ตายมีคู่กรณีถูกคุมขังอยู่หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้เรือนจำคัดย้ายนักโทษหัวโจกกลุ่มที่ก่อเหตุออกมาได้แล้วจำนวน 33 คน และเตรียมที่จะย้ายเรือนจำไปไว้ที่เรือนจำกลางคลองไผ่ จ.นครราชสีมา เพื่อป้องกันก่อเหตุซ้ำ
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงเหตุคดียิงผู้คุมเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานีว่า สาเหตุการเสียชีวิตอยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่ผู้เสียชีวิตเป็นนักกฎหมาย จบเนติบัณฑิต จึงได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารของเรือนจำ มีหน้าที่เป็นกรรมการสอบวินัยของเรือนจำ ขณะที่เรือนจำดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งถูกตั้งกรรมการสอบสวนความผิดจากการเข้าไปพัวพันกับการลักลอบนำยาเสพติดและโทรศัพท์มือถือเข้าไปในเรือนจำ ภายหลังเกิดเหตุกรมราชทัณฑ์สั่งการให้ย้ายเจ้าหน้าที่เรือนจำที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนในความผิดเรื่องต่าง ๆ ประมาณ 20 คนให้ย้ายกระจายไปยังเรือนจำต่าง ๆ เพื่อไม่ให้รวมตัวกัน 
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นความขัดแย้งกับนักโทษที่ระบุว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่สุราษฎร์ธานีนั้น กรมราชทัณฑ์ยังไม่ปักใจเชื่อ แต่ได้สั่งการให้ย้ายระบายนักโทษไปยังเรือนจำความมั่นคงสูงอื่น ๆ สำหรับแดนซุปเปอร์แม็กซ์ในเรือนจำกลางเขาบิน ได้โอนย้ายนักโทษเข้าไปคุมขังเต็มจำนวน 444 คนแล้ว โดยเป็นการคัดกรองตามบัญชีรายชื่อของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) จำนวนกว่า 1,000 ราย
นายวิทยา เปิดเผยอีกว่า ตนได้วางมาตรการเข้มในการปราบปรามยาเสพติดและโทรศัพท์มือถือในเรือนจำ หลังจากวันที่ 10 พ.ย.นี้ หากปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นในเรือนจำใดพบโทรศัพท์มือถือ ซิมการ์ด ตลอดจนอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์หรือตรวจหาสารเสพติดจากปัสสาวะผู้ต้องขังที่เข้ามาอยู่ในเรือนจำเกิน 1 เดือน ครั้งที่แรกจะว่ากล่าวตักเตือนผู้บัญชาการเรือนจำ
หากการจู่โจมตรวจค้นครั้งที่ 2 ยังพบความผิดซ้ำอีก จะพิจารณาปรับย้ายผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้อำนวยการทัณฑสถาน และผู้บริการส่วนหรือหัวหน้าฝ่าย และตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าจะว่ามีการปล่อยปะละเลยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การปฏิบัติงานในเรือนจำและทัณฑสถานมีประสิทธิภาพให้เรือนจำเสนอย้ายเจ้าหน้าที่เพื่อเพิ่มสมรรถนะเรือนจำได้ทุก 3 เดือน โดยการเสนอย้ายแต่ละครั้งต้องไม่เกินครั้งละ 5% 

logoline