
เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 25 ก.ย. 57 ที่สภ.เมืองนนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดยพ.ต.ท.ปัณณพัฒน์ เดชโชติพิสิฐ รอง.ผกก.สส. พ.ต.ต.นักรบ ชอบทำทาน สว.สส.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ร่วมกันทำการจับกุมตัวนายพัชร หลี่เลิศจิราวัฒน์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 204/2 ม.9 ต.สันกำแพง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ น.ส.อรพรรณ์ ปลื้มละมัย อายุ32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/1 ม.1 ต.บางระกำ อ.บางเลน จ.นครปฐม นายโจว ซือ เว่ย สัญชาติจีน อายุ 30 ปี พร้อมด้วยของกลาง บัตรอิเล็คทรอนิควีซ่าการ์ด ของประเทศจีน จำนวน 2 ใบ บัตรอิเล็คทรอนิควีซ่าการ์ดของประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 2 ใบ ตัวบันทึกข้อมูลลงแทบแม่เหล็ก จำนวน 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คพร้อมโปรแกรมบันทึกข้อมูล จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง โดยกล่าวหาว่าร่วมกันใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งบัตรอิเล็คทรอนิคปลอมอันได้มาโดยรู้ว่าเป็นบัตรอิเล็คทรอนิคปลอมที่ทำหรือปลอมแปลงขึ้นมา โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้ที่ร้านทองทีจี โกลด์ แอนด์ จิวเวอรี ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรีพ.ต.ท.ปัณณพัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองนนทบุรีได้รับแจ้งจากนางพรอาภา งิ้ววิจิตร เจ้าของร้านทองทีจี โกลด์ แอนด์ จิวเวอรี ว่ามีคนร้ายแก๊งปลอมบัตรเครดิตเข้ามาติดต่อขอซื้อสร้อยทองน้ำหนัก 10 บาท เป็นเงินจำนวน 1.8 แสนบาท โดยจะขอใช้บัตรเครดิตปลอมรูดและจะแบ่งเงินให้กับทางร้านเป็นเงินจำนวน 40 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่รูดได้หากทางร้านยินยอม ทางเจ้าของร้านจึงได้โทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาทำการจับกุม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงที่ร้านก็พบผู้ต้องหาทั้ง 3 คนอยู่ภายในร้านกำลังใช้บัตรอิเล็คทรอนิควีซ่าการ์ดที่ปลอมแปลงขึ้นมารูดซื้อทองคำอยู่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม จากการตรวจค้นภายในตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนพบของกลางดังกล่าวจึงควบตัวทั้งหมดกลับมาสอบสวนต่อที่สภ.เมืองนนทบุรีจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้การว่านายโจว ซือ เว่ย เป็นผู้นำอุปกรณ์การปลอมแปลงบัตรเครดิตเข้ามาจากประเทศจีนทั้งหมดโดยทำที่เป็นนักท่องเที่ยว เมื่อมาถึงประเทศไทยแล้วได้ติดต่อให้นายพัชรมาทำหน้าที่เป็นล่ามให้ก่อนจะติดต่อกับน.ส.อรพรรณ์ ผ่านทางเครื่อข่ายแก๊งปลอมบัตรที่เข้ามาก่อเหตุก่อนหน้านี้แล้วให้พาตระเวณไปตามร้านทองต่างๆหรือร้านค้าที่รับรูดบัตรเครดิตเพื่อเจรจาตกลงก่อนจะลงมือก่อเหตุโดยน.ส.อรพรรณ์ จะได้ส่วนแบ่งจากเงินที่รูดได้จำนวน 3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนร้านที่ร่วมมือด้วยจะได้ส่วนแบ่งเป็นเงินจำนวน 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเงินที่เหลือจะเป็นของนายโจว ซือ เว่ย ส่วนหนึ่งก่อนจะโอนเงินกลับไปให้หัวหน้าแก๊งที่ประเทศจีนอีกที่จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารรายหนึ่งที่ร่วมตรวจสอบกล่าวว่ากลุ่มคนร้ายดังกล่าวจะใช้วิธีในการโจรกรรมบัตรเครดิตจากลูกค้าของธนาคารหรือไม่ก็ปลอมบัตรเครดิตขึ้นมาเอง ก่อนจะนำไปเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อลงข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้าธนาคารที่คนร้ายมีข้อมูลอยู่แล้ว ก่อนจะเข้าไปติดต่อกับร้านค้าที่มีบริการรูดบัตรเครดิตซื้อสินค้าโดยกลุ่มคนร้ายจะเจรจาตกลงกับทางร้านว่าจะไม่เอาสิ่งของที่รูดได้แต่จะขอเอาเป็นเงินสดแทนโดยจะหักเงินให้กับทางร้านจำนวน 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้ทางธนาคารได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากเนื่องจากไม่มีหลักฐานในการกระทำผิดเพราะต้องจ่ายเงินค่ารูดซื้อสินค้าของแก๊งคนร้ายให้กับทางร้านค้า แต่หากทางธนาคารพบพิรุษต้องสงสัยว่าร้านค้าร้านใดมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับแก๊งคนร้ายก็ทำได้เพียงแค่การยกเลิกให้บริการรูดบัตรเครดิตกับร้านดังกล่าวทันที่เพื่อป้องกันการก่อเหตุซ้ำ