นายซินเฮง กล่าวว่า หลังพบจารึกหินทรายโบราณสองหลักแรกเมื่อปี 2552 แล้ว เมื่อต้นปี 2556 พบเพิ่มอีก 3 หลัก จึงนำมาวางไว้ใต้ต้นไทรโดยไม่ได้เคลื่อนย้ายออกมา อย่างไรก็ตามเบื้องต้นสอบถามลูกบ้านทราบเพียงว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือนมีพระสงฆ์ต่างจังหวัดมาเข้ามาในบริเวณที่วางหินศิลา จึงขอร้องไปยังผู้ที่ครอบครองให้ช่วยส่งคืนเพราะถือเป็นสมบัติชาติ
ด้านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานแต่กำลังเร่งประสานให้ทางอำเภอและวัฒนธรรมจังหวัดเร่งหาเบาะแสให้ละเอียด เพื่อได้ติดตามทวงคืนจารึกหินทรายที่สูญหายไปกลับคืนมาให้ได้ พร้อมเตือนผู้หยิบฉวยไปทั้งที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออาจประสงค์ดีตั้งใจนำไปเก็บรักษาไว้ขอให้ส่งคืน เพราะจารึกนี้ไม่เพียงเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นสมบัติชาติและเป็นของส่วนรวมที่ควรถูกตั้งแสดงไว้ในจุดที่เหมาะสม เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมกันศึกษาค้นคว้า
"ขณะนี้จารึกที่เหลืออีก 2 หลัก ยังอยู่ในบริเวณที่มีการค้นพบ ซึ่งยังเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมไปอีก จะเร่งให้ทางอำเภอหรือวัฒนธรรมอำเภอขนย้ายมาเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัยก่อน โดยเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ถูกโจรกรรมซ้ำซ้อนไปอีก" นายวิเชียร กล่าว
สำหรับอักษรที่ปรากฎบนแผ่นหินนั้นมีข้อมูลทางทางประวัติศาสตร์ ที่จะช่วยให้ทราบข้อมูลรายละเอียดของสถานที่โบราณ จารึกบ้านดงคล้อที่พบเมื่อปี 2552 นักโบราณคดีได้ทำการตรวจสอบจนทราบว่า เป็นศิลาจารึกสมัยทวารวดี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 14 อายุราว 1,200 ปี รูปอักษรหลังปัลลวะ กรมศิลปากรได้ลงทะเบียนจารึกทั้เงสองหลักว่า "จารึกบ้านดงคล้อ 1พช.17" และ "จารึกบ้านดงคล้อ 2พช.18"