
ที่อดีตเคยเป็นทุ่งนาเก่า แต่เลิกร้างไป หมู่ 12 ต.หัวหว้า อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรีหลังแคมป์คนงานก่อสร้างในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และป่าไม้จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนหาทางต้อนกลับคืนป่าธรรมชาติ นั้น
นายชัยวรรณ นิยม ปลัดอาวุโส อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ที่ร่วมอำนวยการต้อนช้างป่ากลับคืนพื้นที่กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ ได้พยายามต้อนช้างป่าให้กลับคืนเริ่มตั้งแต่ค่อนรุ่งเวลา 04.00น. ช้างลัดเลาะเรื่อยมาจนถึงป่ามะม่วงฝั่งตรงข้ามโรงงานไมโต้ หมู่ 8 ต.หัวหว้า อ.ศรีมหาโพธิ ริมถนนสาย 304 (ศรีมหาโพธิ ฉะเชิงเทรา) แต่จากสภาพป่า มีอาหารอุดมสมบูรณ์จึงคาดว่าติดใจรสชาดจึงหยุดพักยาวจนถึงตลอดทั้งวันนี้ ยังไม่ยอมเดินต่อ และคาดว่าคงจะเกิดตื่นกลัวรถยนต์ และผู้คนที่พลุกพล่านจำนวนมากกว่าปกติ เนื่องจากเป็นช่วงการทยอยเดินทางกลับจากวันหยุดยาวต่อเนื่องของประชาชนที่กลับจากเทศกาลเข้าพรรษา กลับที่ทำงานปกติ ที่มียวดยานไปมาจำนวนมากประกอบกัน
เจ้าหน้าที่จึงปล่อยให้ฝูงช้างป่ากินอาหาร ให้อิ่มหนำสำราญอารมณ์ดีก่อน จะรอถึงช่วงหัวค่ำ ที่อากาศเย็นสบาย ช้างไม่ฉุนเฉียวง่าย จะใช้ปะทัดและกำลังคนต้อนคืนกลับผืนป่าราบต่ำผืนสุดท้ายป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออกหรือในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนต่อไป ทั้งนี้โดย น.ส.จิตรา พรหมชุติมา ผวจ.ปราจีนบุรี ร่วมอำนวยการด้วย
น.ส.จิตรา พรหมชุติมา ผวจ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า การต้อนช้างป่า จะใช้ความละมุนละม่อมที่สุด ไม่ให้ช้างป่าหงุดหงิด หรือโกรธ โดยใช้ปะทัด และคนกดดัน ให้กลับทางเดิมที่เดินทางเข้ามา ทั้งนี้จะให้แล้วเสร็จก่อนพรุ่งนี้(14 ก.ค.)เนื่องจากประชาชนจะเดินทางกลับผ่านเส้นทางมากเพิ่มขึ้น พร้อม ๆ กัน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายดุแลป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากยานพาหนะ ขณะที่ช้างป่าเดินทางให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม สำหรับในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา ในพื้นที่ผืนป่าราบต่ำผืนสุดท้ายรอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก (ฉะเชิงเทรา,สระแก้ว,ชลบุรี,จันทบุรี และระยอง) จากการวิจัยจำนวนประชากรช้างป่า ที่ผ่านมาโดยการนับกองมูล(ขี้ช้าง)มีประชากรช้างป่าจำนวนมากกว่า360 ตัว การเพิ่มของประชากรในปริมาณสูงอย่างรวดเร็วผิดปกติในธรรมชาติ เนื่องจากผืนป่าราบต่ำไม่สูงชัน เช่นตามพื้นที่ภูเขาปกติ จึงง่ายแก่การผสมพันธุ์ ออกลูกหลาน ตลอดรวมถึงการขาดประชากรผู้ล่าในธรรมชาติ จึงเพิ่มอย่างรวดเร็ว กว่าป่าปกติในอุทยานฯต่าง ๆที่เป็นภูเขา เมื่อมีอาหารขาดแคลนมีจำกัดไม่เพียงพอ ช้างป่าบางส่วนจึงออกมาหากินพืชไร่ ในเขตนอกพื้นที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ทั้งใน อ.ท่าตะเกียบ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา
แม้จะมีโครงการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) มาขุดคู-คลองกำแพงป้องกั้น ก็ไม่สามารถสกัดอยู่ เคยมีปัญหาแม้กระทั่งโขลงช้างป่า ยกพวกปิดถนนสายบ้านหนองคอก-บ้านวังน้ำฝน หน้าที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนดักรถบรรทุกอ้อยให้หยุดวิ่ง พร้อมใช้งวงดึง-กระชากผ้าใบที่คลุมดึงอ้อย ,สัปปะรด ลงมากิน หรือ หากรถบรรทุกคันใดจะผ่านต้องเทมัดอ้อย หรือ สัปปะรด จำนวนมากเป็นค่าผ่านด่านจึงยอมเปิดเส้นทางอันเป็นที่มาของคำว่าช้างป่าอ่างฤาไนปล้นอ้อย คาดว่าแหล่งอาหารพื้นที่ จ.ปราจีนบุรีอุดมสมบูรณ์กว่าจึงล่อใจจนเดินเพลินไม่ยอมกลับถิ่น