"ธีระวรรณ์ พงเกษม" ชาวอำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด บอกเล่าประสบการณ์ชีวิตที่วนเวียนอยู่กับการหาหนทางเพื่อปลดตัวเองให้พ้นพันธนาการ "หนี้นอกระบบ"
"ธีระวรรณ์" บอกเล่าประสบการณ์ที่แทบเอาชีวิตไม่รอดจากนายทุนเงินกู้นอกระบบ ระหว่างงานเสวนา "สร้างนวัตกรรมเครือข่าย จุดกระแสสังคมไม่ทนต่อการทุจริต" ซึ่งเป็นโครงการที่เนชั่นทีวี ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อร่วมสร้างเครือข่ายภาคประชาชนไม่ทนต่อการทุจริต
เราเดินทางไปที่บ้านของธีระวรรณ์ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดกว่า 80 กิโลเมตร โดยบ้านหลังนี้ นายทุนนำป้ายมาปิดประกาศขาย แต่เธอกับคนในครอบครัวนำป้ายนั้นออกไป เพราะยืนยันจะต่อสู้รักษาบ้านหลังนี้เอาไว้ให้ถึงที่สุด
เป็นเวลาเกือบ 7 ปีที่ชีวิตของ "ธีระวรรณ์" ต้องติดอยู่ในวังวนของการถูกดำเนินคดี จนถึงขั้นติดคุกติดตาราง ไม่เป็นอันทำมาหากิน เพียงเพราะนายทุนต้องการที่ดินของเธอทั้งที่นาและที่บ้าน ไปชดใช้หนี้นอกระบบ มิหนำซ้ำเธอยังต้องมาติดคุกเพราะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนบ้าน ที่กำลังเผชิญชะตากรรมไม่ต่างกัน
นายทุน ไม่ละความพยายามที่จะขายบ้านหลังนี้ ทำให้ "ธีระวรรณ์ " ตัดสินใจรวบรวมเงินก้อนสุดท้ายเข้ากรุงเทพฯ พร้อมกับกลุ่มลูกหนี้นอกระบบในพื้นที่ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ และสุรินทร์ เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม เมื่อมีข่าวออกทางสื่อ นับแต่วันนั้น นายทุนไม่เคยส่งคนมาขับไล่ออกจากบ้านอีกเลย
การต่อสู้ของ "ธีระวรรณ์" เพื่อทวงคืนที่ดินทำกินผืนสุดท้าย ตลอดจนบ้านที่ใช้ซุกหัวนอนคืนมาจากนายทุนโดยการเดินสายร้องเรียนกับหน่วยงานรัฐหลายแห่ง แต่เรื่องไม่มีความคืบหน้า หลังจากนี้ความหวังเดียวของเธอ คงอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรมว่า จะคืนความยุติธรรมให้กับชาวบ้านตาดำๆ ซึ่งรู้ไม่เท่าทันเล่ห์กลของขบวนการโกงหนี้นอกระบบได้หรือไม่
ลูกสาวเหยื่อหนี้นอกระบบรายนี้ เล่าเหตุการณ์วันที่เธอและพี่สาวถูกควบคุมตัวในห้องนายอำเภอ ซึ่งมีทั้งคนแต่งกายธรรมดา และแต่งชุดตำรวจคุมตัวเธอกับพี่สาวเอาไว้ โดยบังคับให้เซ็นยินยอมรับสภาพหนี้ หลังแม่เป็นหนี้นอกระบบ โดนนายทุนขู่ยึดที่นา 7 ไร่
กระทั่งแม่ของเธอถูกคุมขังในห้องขังสถานีตำรวจ เพราะโดนนายทุนแจ้งจับ จากการเข้าไปวิดบ่อปลาในที่นาของตัวเอง ซึ่งเป็นที่นาที่นำไปจำนองค้ำประกันเงินกู้ แต่นายทุนทำเป็นขายฝากแล้วยึดที่นาไป แต่แม่ไม่ยอมเซ็นยินยอมยกที่นา 7 ไร่ 3 งานให้นายทุนจึงถูกดำเนินคดี
ระหว่างที่เธอเล่าเหตุการณ์วันที่แม่ถูกจับ เรารับรู้ได้ถึงความหวาดกลัว แม้เวลาจะผ่านมานานหลายปีแล้ว
หลังจากเธอและพี่สาวไม่เซ็นยินยอม เมื่อหมดเวลาราชการ ตำรวจจึงนำตัวแม่เข้าเรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด เพราะไม่มีเงินประกันตัว ส่วนเธอและพี่สาว ถูกปล่อยตัวหลังโดนขังไว้นาน 10 ชั่วโมง
ระหว่างที่แม่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ เธอขี่รถจักรยานยนต์ข้ามจังหวัดเพื่อมาเยี่ยมแม่ จนเกิดอุบัติเหตุ และต้องพักการเรียนไปหนึ่งเทอม ซ้ำร้ายนายทุนยังส่งคนไปคุกคามถึงในโรงเรียน
เหยื่อหนี้นอกระบบรายนี้ยังบอกอีกว่า รู้สึกไม่ได้รับเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีส่วนร่วมรู้เห็นกับนายทุน แทนที่จะปกป้องชาวบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาได้ร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน แต่ไม่มีความคืบหน้า
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวดขันจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบและผู้ติดตามทวงถามหนี้โดยวิธีการผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 ถึงสิ้นเดือนเมษายน 2563 จับกุมทั้งสิ้น 5,479 คน แต่ไฉนยังมีลูกหนี้นอกระบบถูกคุกคามอย่างต่อเนื่อง แสดงว่ายังมีคนทำผิดที่ยังไม่ถูกจับแล้วไปสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ฝากเป็นการบ้านให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปแก้ไข