เวทีเสวนานี้ใช้หัวข้อว่า "วิกฤติขยะทะเลไทยและการกัดเซาะชายฝั่ง ใครว่าเรื่องเล็ก" จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมหรือ สกสว. ศ.ดร. เผดิมศักดิ์ จารยะพันธุ์ ผู้ทรงคุณวุฒิบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลที่น่าสนใจ ระบุว่า ปัญหาขยะทะเลได้รับความสนใจจากสังคมอีกครั้ง หลังมีการพบขยะพลาสติกยาวกว่า 10 กิโลเมตร ในทะเลนอกเขตชายฝั่งจังหวัดชุมพร และการตายของปลาวาฬที่ผ่าท้องพบถุงพลาสติกถึง 85 ชิ้น รวมถึงกรณีเกาะสีชัง ที่มีปัญหาขยะมาจากการขนส่งข้ามประเทศ
ปัญหาเหล่านี้สะท้อนถึงมาตรการบริหารจัดการขยะทั้งบนบกและในทะเลที่ขาดประสิทธิภาพ โดยในงานวิจัยที่เผยแพร่เมื่อปี 58 ไทยถูกจัดเป็นอันดับที่ 6 ของประเทศที่มีปริมาณขยะพลาสติกที่ขาดการบริหารจัดการที่ถูกต้องมากที่สุดขยะทะเลส่วนใหญ่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ทั้งทางตรงและทางอ้อม มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยมากมีน้ำหนักเบา ไม่สามารถย่อยสลายได้ในระยะเวลาอันสั้น เช่น ถุงพลาสติก ขวด ภาชนะใส่อาหาร แห อวน ลอบ ทำให้เกิดการทำลายระบบนิเวศปะการัง การตายของสัตว์ทะเลหายาก อย่างเต่าและโลมา ข้อมูลจากกรมทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง ระบุว่า ในปี 60 มีเต่าและโลมา ร้อยละ 2-3 กลืนขยะเข้าไป และร้อยละ 20-40 ถูกอวนหรือเชือกรัดข้อมูลจากการสำรวจยังพบว่า ขยะตกค้างพบมากที่สุดอยู่ตามชายหาด ตามแนวปะการัง และป่าชายเลน 23 จังหวัดชายทะเล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นถุงพลาสติก