ผลสะเทือนหลัง "คุณช่อ" ขอโทษ

วันนี้ "คุณช่อ" ออกมาขอโทษที่ทำให้สังคมเข้าใจผิด จริงๆ แล้วไม่เคยมีความคิดสุดโต่ง เป็นการโพสต์ถ่ายกันเล่นๆ ตามประสาเด็กมหาลัย และปัจจุบันความคิดทางการเมืองก็เปลี่ยนไปมาก ยืนยันยอมรับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พรรคอนาคตใหม่จึงเข้าสู่สนามเลือกตั้ง

แต่คำขอโทษก็ว่ากันไป เพราะเรื่องทางกฎหมายต้องเดินต่อ เนื่องจากมีการไปแจ้งความเอาไว้ที่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ให้ดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

มุมมองของนักกฎหมายอย่าง อาจารย์คมสัน โพธิ์คง รองคณบดีคณะคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต บอกว่า แม้คุณช่อจะได้ออกมาขอโทษต่อสังคม ซึ่งในแง่ของความรู้สึกอาจจะพอให้อภัยได้ แต่ในแง่ของกฎหมายต้องไปพิสูจน์ตามกระบวนการยุติธรรม เพราะถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว และขณะที่ตัวของคุณช่อโพสต์ภาพและข้อความ ก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีความรู้ หรือยังเป็นผู้เยาว์ เพราะจริงๆ คือเป็นถึงนิสิต คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฉะนั้นมองถึงเจตนาก็คงมี แต่จะร้ายแรงหรือไม่ ต้องไปพิสูจน์กันในชั้นศาลต่อไป

ขณะที่นักกฎหมายชื่อดัง ซึ่งเคยทำงานในองค์กรยุติธรรมระดับสูง บอกว่า การโพตส์ภาพและข้อความตามที่เป็นข่าว เกิดจากเจตนาอย่างแน่นอน ผนวกกับพฤติกรรมแวดล้อมต่างๆ ที่ถูกขุดคุ้ยกระจายอยู่ทั่วโซเชียลมีเดียขณะนี้ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่โพสต์เดียว และไม่ใช่เพียงช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง แต่ได้แสดงทัศนะที่หมิ่นเหม่อยู่เป็นระยะ พฤติการณ์ทั้งหมดจึงเข้าข่ายลบหลู่ และสะท้อนให้เห็นถึงเจตนาอย่างชัดเจน

สำหรับคดีเกี่ยวกับความผิดฐานหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่หลายฝ่ายมองว่ามีการแจ้งความร้องทุกข์ไปแล้ว ทำไมถึงเงียบ คำตอบก็คือ คดี 112 เป็นคดีอ่อนไหว และเคยถูกใช้เป็นเครื่องมือทำลายล้างกันในทางการเมืองจริงๆ หลายๆ ครั้งหากมีการดำเนินคดีไปโดยไม่รอบคอบ จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี จึงมีนโยบายตั้งแต่รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้คดี 112 ทุกคดีที่รับแจ้งจากโรงพัก ต้องส่งสำนวนมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้คณะทำงานระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นหน่วยงานกลาง พิจารณาสำนวนในรูปของคณะทำงานอีกครั้ง ก่อนจะส่งสำนวนให้อัยการพิจารณา