เวทีประมง....."อนาคตใหม่" เล่นใหญ่เพื่อพรรคหรือเพื่อชาติ?
ช่วงนี้พรรคที่เคลื่อนไหวนอกสภามากที่สุดหนีไม่พ้น "พรรคอนาคตใหม่" ทั้งๆ ที่หัวหน้าพรรค ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อยู่ระหว่างถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.จากปัญหาการถือครองหุ้นสื่อ แต่เจ้าตัวก็ยังนำพลพรรคเดินสายนอกสภา โดยมุ่งเข็มทิศไปที่เรื่องการแก้ไขปัญหาประมง ซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบแดงของรัฐบาล คสช.ที่ปลดล็อคธงเหลือง "ไอยูยู" ได้สำเร็จ แต่การใช้ยาแรง ย่อมมีคนบาดเจ็บ การเดินสายของพรรคอนาคตใหม่เน้นพบปะผู้ประกอบการประมงกลุ่มนี้ ทำให้ถูกวิจารณ์ว่ามีเป้าหมายทางการเมืองหรือไม่
ธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ เปิดเวทีรับฟังปัญหาของพี่น้องชาวประมงอย่างต่อเนื่องหลายสัปดาห์แล้ว ประเดิมเวทีแรกที่ตลาดมหาชัยมั่นคง เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นยังเปิดอีกหลายเวทีในหลายจังหวัด เช่นรับฟังปัญหากลุ่มประมงพื้นบ้านบางเทา ภูเก็ต และยังลงพื้นที่ตราด พูดคุยกับตัวแทนพี่น้องประมงใน 5 จังหวัดภาคตะวันออก โดยอ้างวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพระราชกำหนดการประมง ที่ออกในรัฐบาล คสช.
แต่ปฏิบัติการเดินสายของพรรคอนาคตใหม่ ก็ถูกตั้งคำถามในมิติการเมืองว่าเป็นการขยายฐานเสียงของพรรค ในขณะที่พรรคการเมืองอื่นกำลังมะรุมมะตุ้มกับการตั้งรัฐบาลหรือไม่ เพราะประเทศไทยมีจังหวัดชายทะเลทั้งหมด 23 จังหวัด ครอบคลุมภาคใต้และภาคตะวันออก ขณะที่ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคอนาคตใหม่ก็เจาะไข่แดงในพื้นที่เหล่านี้ได้สำเร็จในบางจังหวัด เช่น จันทบุรี ชลบุรี และหลังจากนี้ยังมีการเลือกตั้งท้องถิ่นรออยู่อีก
ยิ่งไปกว่านั้้น ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า การเปิดเวทีของพรรคอนาคตใหม่เน้นรับฟังเฉพาะกลุ่มประมงพาณิชย์ และผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐบาล คสช.เท่านั้นแต่จากการลงพื้นที่ของ "ทีมข่าวเนชั่นทีวี" ได้รับการยืนยันจากกลุ่มผู้ประกอบการประมงว่าได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และอย่างปัจจุบันทันด่วนจนไม่มีเวลาปรับตัวจริงๆ
ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย นายมงคล สุขเจริญคณา สรุปว่า ปัญหาที่ได้รับฟังจากผู้ประกอบการ คือ 1.ปัญหากฎหมาย กฎ และระเบียบต่างๆ ไม่สอดคล้องกับการทำประมงของไทย รวมทั้งบทลงโทษที่รุนแรงเกินไป 2.การขาดแคลนแรงงานในภาคประมง 3.การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาไอยูยูในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมายังไม่เพียงพอ และ 4.ปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำ เนื่องจากการนำเข้าสัตว์น้ำจากต่างประเทศแบบไม่มีการควบคุม
แต่อีกด้านหนึ่ง มาตรการเข้มของรัฐบาลก็ได้รับการขานรับและเสียงชื่นชมจาก หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ 3 สมาคมการค้าสินค้าประมง ได้แก่ สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย และสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป รวมทั้งเสียงสนับสนุนจากกลุ่มประมงพื้นบ้านด้วย เพราะสามารถจับสัตว์น้ำได้มากขึ้น ขณะที่ก่อนหน้านี้ประมงพาณิชย์จับสัตว์น้ำในทะเลไทยจนแทบไม่เหลืออะไรเลย นี่คือข้อเท็จจริงสองด้านจากผลงานชิ้นโบแดงของ คสช. ซึ่งถ้าจะกล่าวอย่างตรงไปตรงมาก็ต้องบอกว่าการวิจารณ์เรื่องนี้ของฝ่ายการเมืองต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะการแก้ปัญหาย่อมมีฝ่ายที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์เสมอ สิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือจะให้น้ำหนักฝ่ายไหนเพื่อให้ประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุดมากกว่า