แนวทางที่แกนนำพลังประชารัฐเตรียม "แก้เกม" อยู่ในขณะนี้ คือจะดันเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกฯไปก่อน เพราะเสียงสนับสนุนสำหรับการเป็นนายกฯของ "บิ๊กตู่" ถือว่าเพียงพอแล้ว
ต้องไม่ลืมว่าการโหวตเลือกนายกฯ มาจากสมาชิกรัฐสภา คือ ส.ส. + ส.ว. รวม 750 เสียง คนที่จะได้เก้าอี้นายกฯ ต้องได้เสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งของ 750 เสียง ก็คือ 376 เสียงขึ้นไป สถานการณ์ขณะ ส.ว. 250 เสียง ยกมือให้ "บิ๊กตู่" ทั้งหมดแน่นอน ยังขาเสียง ส.ส.อีก 126 เสียง
ไล่ดูพรรคพลังประชารัฐ ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์มาเติมอีก 1 กลายเป็น 116 เสียง ยังขาดอีก 10 เสียง ก็ดึงจากกลุ่ม "11 พรรคเล็ก" สมมติกลายเป็นงูเห่าไปแล้วครึ่งหนึ่ง ก็จะเหลืออีก 4-5 เสียง บวกกับพรรคกำนัน "รวมพลังประชาชาติไทย" อีก 5 เสียง และพรรคประชาชนปฏิรูปอีก 1 เสียง ขอบคุณ ไพบูลย์ นิติตะวัน รวมๆ แล้วก็ครบ 126 เสียง
เมื่อ "บิ๊กตู่" ได้เป็นนายกฯ ก็จะเพิ่มอำนาจต่อรองให้พรรคพลังประชารัฐ เพราะ "บิ๊กตู่" มีอำนาจยุบสภาได้ หากยุบสภา ก็ต้องเลือกตั้งใหม่ ซึ่งพรรคการเมืองหลายพรรคคงไม่อยากเลือกตั้งตอนนี้ เพราะต้องใช้ทุน และมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะประชาธิปัตย์ เสี่ยงได้เสียงลดลงอีก และภูมิใจไทยที่ลงทุนกับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาไปมาก