แต่ปัญหามาเกิดก็ตรงที่มงคลกิตติ์ ไปพูดพาดพิงถึงสถาบันที่ตนเองเคยศึกษาอยู่ ซึ่งก็คือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทำให้เข้าใจว่า นักศึกษาสถาบันนี่วันๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่ชกต่อยวิวาทกัน ทำให้มีการเคลื่อนไหวต่อต้านทางสื่อสังคมออนไลน์ และล่ารายชื่อถอดถอนออกจากการเป็น ส.ส.กันเลย ต่อมามงคลกิตติ์ ได้ออกมาขอโทษและเข้าไปขอขมาผู้บริหารมหาวิทยาลัย แต่ก็ยังไม่วายถูกตะโกนด่าและโห่ไล่จากทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน
เรื่องราวน่าจะจบลง แต่กลับไม่จบ เพราะสมาคมศิษย์เก่าวิศวกรรมศาสตร์ พระนครเหนือ ได้ออกแถลงการณ์ บอกว่าการขอโทษเพียงคำพูดนั้นยังไม่เพียงพอ เพราะเจ้าตัวยังไม่ยอมรับว่าสิ่งที่พูดออกมานั้นเป็นข้อมูลเท็จทั้งหมด จึงเดินหน้าล่าชื่อถอดถอนออกจากการเป็น ส.ส. อ้างว่าได้ประมาณ 8,000 ชื่อแล้ว พร้อมย้ำว่าการเคลื่อนไหวเรื่องนี้ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเมื่อเหตุการณ์ส่อเค้ายืดเยื้อ "ล่าความจริง" ก็เลยส่งทีมข่าวไปสอบถามท่าทีจากคุณมงคลกิตติ์ ได้รับคำตอบว่า
กรณีการล่าชื่อถอดถอน ถือเป็นสิทธิ์์โดยชอบธรรมของทุกคน และเป็นการดำเนินการโดยสมาคมศิษย์ก่าวิศวกรรมศาสตร์เท่านั้น ไม่ใช่ของทั้งสถาบัน ซึ่งก็ยอมรับและขออภัยกับสิ่งที่ตนเองพูดไปจนเกิดผลกระทบต่อสถาบัน ว่าแล้วก็ยกมือไหว้ขอโทษผ่านล่าความจริงอีกรอบ
คุณมงคลกิตติ์ ยังออกตัวว่า ไม่รู้จะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดไปแล้ว ฉะนั้นหากทางสถาบันหรือพี่น้องร่วมสถาบันต้องการให้ตนช่วยเหลือเรื่องใดนอกวันและเวลาราชการ ตนก็รับปากว่าจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทุกทาง แต่ขออย่าให้มีเรื่องการเมืองเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือ
หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ยังบอกด้วยว่า สาเหตุของการออกมาต่อต้านและยื่นถอดถอนตนในครั้งนี้ มีเป้าหมายทางการเมือง โดยการเลือกตนเป็นเป้าระบายอารมณ์จากพรรคการเมืองหนึ่งที่กำลังถูกโจมตีอย่างหนัก ส่วนสิ่งที่เคยพูดไปแล้ว เป็นเรื่องเท็จหรือจริง คุณมงคลกิตติ์ ไม่ยอมตอบคำถามตรงๆ บอกเพียงว่าเป็นการบอกเล่าเพื่อให้สังคมได้รับรู้เพื่อเข้าใจต้นตอของปัญหาที่แท้จริง