ที่คุณผู้ชมเห็นอยู่นี้คือ "พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นอู่ต่อเรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" หรือที่เรียกกันว่า "อู่ต่อเรือบ้านเสม็ดงาม" อยู่ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 11 กิโลเมตร สันนิษฐานว่า เป็นสถานที่ที่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงใช้เป็นอู่ต่อเรือ เมื่อครั้งเตรียมยกทัพไปตีพม่า เพื่อกอบกู้เอกราชของชาติไทย เมื่อปี พ.ศ. 2310 ตามพงศาวดารธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาส
ตามพงศาวดารระบุว่า พระเจ้าตาก ทรงสั่งต่อเรือประมาณ 100 ลำ บริเวณวัดเสม็ดงาม ที่อยู่จากจุดนี้ไม่ไกล เนื่องจากพบตอไม้ตะเคียนทองเป็นจำนวนมาก และมีคำบอกเล่าว่า มีคลองที่ขุดเพื่อใช้ลำเลียงซุงไม้ตะเคียนมายังอู่ต่อเรือด้วย จึงสันนิษฐานว่าบริเวณนี้เคยเป็นอู่ต่อเรือของพระเจ้าตาก ก่อนหน้าที่จะมีการขุดพบเรือต่างๆ
และนี่คือภาพอู่ต่อเรือในปัจจุบันที่ขณะนี้ยังคงสภาพเดิมไว้ แต่สร้างหลังคาคลุมเพื่อกันแดดกันฝน
ส่วนพื้นที่ใกล้เคียงมีการสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้น ซึ่งก็เป็นจุดที่ล่าความจริงเปิดภาพให้ดูในตอนแรก และมีสถานที่สำหรับสักการะ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดย คุณนิพนธ์ หนองริมบ้าน ประธานมูลนิธิอนุสรณ์สถานอู่ต่อเรือบ้านเสม็ดงาม บอกว่า ที่แห่งนี้ว่ากันว่าเป็นสถานที่ต่อเรือ ฝึกไพร่พลในสมัยพระเจ้าตาก และสาเหตุที่ตั้งอยู่ริมน้ำ เพราะหากมีเหตุการณ์อะไร ก็สามารถเดินทางทางน้ำได้ทันที ส่วนที่นี่เป็นมูลนิธิ ไม่มีหน่วยงานรัฐเข้ามาดูแล ตนเก็บรวบรวมเงินมาสร้างเองทีละเล็กทีละน้อย เริ่มต้นเมื่อปี 2547
ได้ชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์กันแล้ว หลายคนคงรู้สึกประทับใจ และตระหนักว่าบูรพกษัตริย์ไทย รวมถึงวีรชนในอดีต ได้ร่วมกันสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องบ้านเมืองนี้เอาไว้ พวกเราในฐานะลูกหลานก็ควรสานต่อปณิธาน และดูแลบ้านเมืองนี้ให้สงบเรียบร้อยและเจริญรุดหน้าสืบไป ส่วนภาพและรายละเอียดการก่อสร้างเรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำใหม่ของกองทัพเรือไทย และลูกประดู่ระดมวิทยาการ "ต่อเรือ" กันเองนั้น คุณอัญชลี อริยกิจเจริญ ทีมข่าวของเราบอกว่า อีกไม่กี่วันนี้ได้ติดตามในรูปแบบรายงานพิเศษแน่นอน