เส้นทาง "ส.ว.ชุดรอโหวต" กำหนดโฉมการเมืองไทย

แต่ตอนหลังเราให้ฉายาใหม่ว่า "ส.ว.ชุดรอโหวต" หรือ "ส.ว.ชุดเฉพาะกาล" เพราะภารกิจหลักคือมารอโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีหลังเปิดสภา ซึ่ง ส.ว.ที่มีที่มาแบบนี้ และมีภารกิจพิเศษเช่นนี้ มีเฉพาะช่วง 5 ปีแรกของการใช้รัฐธรรมนูญเท่านั้น

ที่สำคัญยังมีบรรยากาศคนที่ทำงานให้ คสช.อยู่แล้ว ทั้งสมาชิก คสช. รัฐมนตรีในรัฐบาลคสช. และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ คสช.แต่งตั้ง พากันลาออกเพื่อแต่งตัวรอเป็น ส.ว.กันร่วมๆ ร้อยคน ทำให้เห็นภาพ "ส.ว.ชุดรอโหวต" อย่างชัดเจน / คุณผู้ชมหลายคนอาจจะสงสัยว่า ส.ว.ชุดนี้ที่มีมาแบบที่ "ล่าความจริง" บอกจริงหรือไม่ และจะเป็น ส.ว.ในอาณัติของ คสช.เพื่อสืบทอดอำนาจต่ออย่างที่หลายคนวิจารณ์จริงหรือเปล่า เดี๋ยวไปดูกัน

เริ่มจากภาพใหญ่กันก่อน ส.ว. 250 คน จะถูกคัดเลือกมาจากหลายรูปแบบ แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่
หนึ่ง คือ 50 คนแรก มาจากองค์กรวิชาชีพ มูลนิธิ หรือสมาคมต่างๆ ทั่วประเทศเสนอชื่อเข้ามา และมีบางส่วนเป็นผู้สมัครอิสระเสนอตัว

สอง อีก 200 คน แบ่งเป็น ส.ว.โดยตำแหน่งคือผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าทัพ 6 คน และมาจากคณะกรรมการสรรหาเลือกมา 194 คน
ดูทีละกลุ่ม กลุ่มแรก องค์กรเสนอชื่อ มี 476 องค์กร จาก 71 จังหวัดที่ส่งชื่อมา บางจังหวัดก็ไม่ส่งมาเลย แต่ กกต. บอกว่าไม่เป็นไร เพราะสุดท้ายก็มีจากผู้สมัครอิสระมาเติม ทั้ง 2 แบบ คนที่เข้ามารับการคัดเลือกต้องระบุตัวเองให้ได้ว่ามาจากสาขาอาชีพใด คือต้องมีคุณสมบัติภายใน 1 ใน 10 สาขาอาชีพนี้เท่านั้น 10 กลุ่มอาชีพมีอะไรบ้าง คุณผู้ชมดูกราฟฟิกไปพร้อมกันเลย

เมื่อคุณสมบัติผ่านไปแล้ว ขั้นตอนคัดเลือกก็ไม่ธรรมดา เรียกวิธีการง่ายๆ ว่า ให้ vote เลือกกันเอง กลุ่มที่มาจากองค์กรก็จะ vote เลือกกันเอง กลุ่มที่มาจากผู้สมัครอิสระก็เลือกกันเอง เริ่มที่ระดับอำเภอ จังหวัด และระดับประเทศ เลือกคะแนนสูงสุด ฝั่งละ 10 คน 10 สาขา ได้ฝั่งละ 100 คน รวมแล้ว 200 คน ขั้นตอนพวกนี้ผ่านไปหมดแล้ว เข้ามาสู่รอบ final คสช.จะเป็นคนเคาะ เอาตัวจริง 50 และสำรอง 50 เผื่อมีคนลาออก หรือถูกสอยทีหลังเพราะขาดคุณสมบัติ

เลือกไปแล้ว 50 ยังเหลืออีก 200 ส่วนนี้แบ่งเป็น 6 คนแรกที่เป็นโดยตำแหน่งคือ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ 6 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พวกนี้ได้เข้าไปนั่งเลย คงเหลือที่นั่งอีก 194 ตรงนี้แหละที่จะมาจากการเลือกของคณะกรรมการสรรหา นี่ก็มีขั้นตอนเหมือนกัน

เริ่มจาก คสช.ต้องไปมองหาคนที่เป็นกลางทางการเมือง เลือกมา 9-12 คน แล้วแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการสรรหา คณะกรรมการจะไปเลือกคนที่เหมาะเป็น ส.ว.รอบแรกมา 400 คน แล้วส่งชื่อกลับไปให้ คสช. เลือกเฟ้น ให้ได้ 194 นี่แหละเราถึงจะได้ ส.ว. ครบทั้ง 250 คน

ที่น่าแปลกและวิจารณ์กันมากก็คือ คณะกรรมการสรรหา 9-12 คนนี้ สังคมไม่ได้รู้ชื่อหรือเห็นหน้าเห็นตาว่าเป็นใคร เพราะถูกปิดเป็นความลับ เปิดเผยอยู่คนเดียวคือ "บิ๊กป้อม - พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์" พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา ส่วนกรรมการคนอื่นไม่ถูกเปิดเผย อ้างว่ากลัวถูกวิ่งเต้น ทำให้ไม่เป็นกลาง เชื่อเหตุผลนี้หรือเปล่าขึ้นกับคุณผู้ชม

ขั้นตอนการคัดเลือกและคัดสรรทั้งหมดนี้ ต้องส่งรายชื่อให้ คสช.ก่อนการเลือกตั้ง ส.ส. 15 วัน และ คสช.ต้องเคาะชื่อให้เสร็จสมบูรณ์ เหลือตัวจริง 250 คน หลังประกาศผลเลือกตั้ง ส.ส. 3 วัน จากนั้นนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนว่าวันที่นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ น่าจะเป็นวันที่ 10 พฤษภาคม คือมะรืนนี้

สำหรับโฉมหน้า "ส.ว.ชุดรอโหวต" หรือ "ส.ว.เฉพาะกาล" แม้จะยังไม่มีใครเห็นเหมือนกัน เพราะปิดลับเหมือนเคย แต่ถ้าเราวิเคราะห์ดีๆ จะพบว่าจริงๆ เราน่าจะรู้ตัว ทราบชื่อกันเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว

เริ่มจาก ผู้บัญชาการเหล่าทัพ 6 คน นี่ชัดเจนว่าเป็นชุดนี้ คือ ผบ.เหล่าทัพที่ทำหน้าที่อยู่ในปัจจุบัน ทั้ง บิ๊กแดง บิ๊กแป๊ะ เรียกว่าเป็นกลุ่ม "ผู้ใต้บังคับบัญชาของ คสช."

ส่วนกลุ่ม 194 คน ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ดูหน้าได้จากรัฐมนตรีที่ทยอยลาออก (เพราะถ้าจะไม่เป็น ส.ว. ก็ยังไม่ต้องลาออก ยังอยู่ได้อีกหลายสัปดาห์) ขณะนี้ก็ 15 คน นอกจากนั้นก็ดูได้จากบรรดา สนช. หรือสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ยื่นใบลาออกเหมือนกัน ได้ยินว่ามีชื่อ "บิ๊กติ๊ก" พลเอก ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกลาโหม น้องชาย "บิ๊กตู่" รวมอยู่ด้วย ต้องรอลุ้นว่าจริงหรือเปล่า

กลุ่มนี้เรียกได้ว่าเป็น "กลุ่มเพื่อนพ้องน้องพี่" มีจุดยืนสืบสานเจตนารมณ์ของ คสช.ค่อนข้างแน่ เพราะมีทั้งญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วม ครม. อดีตรัฐมนตรี และสมาชิก สนช.ที่คสช.เป็นคนตั้ง รวมอยู่ในนี้ทั้งหมด เท่าที่เห็นตอนนี้ก็ราวๆ 75-80 คน

ขณะที่กลุ่ม 50 คนสุดท้าย กลุ่มนี้ต้องบอกว่า คสช.ไม่ได้เลือกเองตั้งแต่ต้น เพราะมาจากการคัดเลือกกันเองของกลุ่มอาชีพ แต่ คสช.มาเคาะจาก 200 คน เหลือ 50 คน จึงว่าอาจจะมีคนที่ "เป็นตัวของตัวเอง" หลุดรอดเข้ามาบ้าง

นี่คือที่มาและโฉมหน้าเบื้องต้นของ ส.ว.ชุดรอโหวต ที่จะกำลังร่วมกำหนดทิศทางการเมืองไทย โดยเฉพาะการโหวตเลือกนายกฯไม่จำกัดจำนวนครั้งในรอบ 5 ปี ใครจะวิจารณ์ว่าอย่างไรไม่รู้ แต่ต้องไม่ลืมว่า อำนาจการโหวตเลือกนายกฯ มาจากคำถามพ่วงของร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ จนกลายมาเป็นบทบัญญัติที่บังคับใช้ในปัจจุบัน